Lifetime Recipe

Lifetime Recipe

ก่อนจะอ่าน...

นี่เป็นบล็อคส่วนตัว สิ่งที่อยากโพสคือสิ่งที่อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ เพราะตัวเองเป็นคนลืมง่าย แม้แต่ช่วงเวลาความสุข ความประทับใจ ผิดกับความเศร้าเสียใจ ที่จำได้ง่ายเหลือเกิน แต่จะพยายามโพสแต่สิ่งที่น่าจดจำที่สุดก็แล้วกัน ...ยินดีต้อนรับสู่โลกของJulie Mค่ะ^^

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

[Review] Scent of Woman การใช้ชีวิตให้คุ้มค่า คือคำตอบของเรื่องนี้

กลับมาอีกครั้งหลังจากไม่ได้เข้ามานานมากกกก... ผ่านมาเกือบปี แล้วที่ไม่ได้ รีวิวซีรี่ย์เกาหลี จริงๆ ดูมาเยอะอยู่ แต่เลือกไม่ถูกว่าจะเอาเรื่องไหนลง จนกระทั่งเรื่องนี้ ... Scent of Woman เป็นเรื่องหนึ่งที่เข้าขั้นว่า J.M. รักมากอีกเรื่องหนึ่ง


เวลาเรานึกถึง ซีรี่ย์เกาหลี อย่างแรกที่เรานึกได้คือ ถ้าไม่ใช่รักป่วนๆ ก็จะแนวโรแมนซ์แล้วพบว่านางเอกป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายตอนจบ แต่...สำหรับ Scent of Woman กลับพลิกเอาอาการป่วยของนางเอกขึ้นมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ซึ่งมันก็น่าคิดว่า ถ้าเกิดเรามารู้ตัวว่า ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เราจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ยังไงให้คุ้มค่าที่สุด



เรื่องราวก็เกี่ยวกับ ลียอนเจ (แสดงโดย คิมซอนอา นางเอกเรื่อง My Name is Kim Sam Soon นะเอง) สาวโสดอายุ 30 กว่าๆ ทำงานในบริษัททัวร์ชื่อว่า ไลน์ทัวร์มา สิบปี ไม่มีอะไรคืบหน้านอกจากจะเป็นลูกจ้างต๊อกต๋อย โดนหัวหน้าโขลกสับใช้งานอยู่บ่อยๆ แถมโดนเพื่อนร่วมงานเขม่น เอาเป็นว่าชีวิตของลียอนเจ ต่อให้ทำดีแค่ไหน ก็มีแต่คนไม่พอใจในสิ่งที่เธอทำและก็มองข้ามความดีงามของเธอไปซะหมด แต่เพราะตัวเธอเองก็เป็นคนสู้งานก็จริง แต่มักจะซุ่มซ่ามบ่อย เพราะเหตุนี้แหละ จนกระทั่งเธอได้รับอุบัติเหตุเล็กน้อยระหว่างทำงาน คุณหมอแชอึนซอก (ออมกีจุน) เพื่อนเก่าสมัยประถมของ ยอนเจ ตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย พอดีว่าหมอแชเป็นคนที่เย็นชา พูดจาขวานผ่าซากแถมยังห้วน เขาจึงบอกอาการป่วยของยอนเจตรงๆ แบบไร้อารมณ์ เธอจึงไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร แม้แต่กับแม่และเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอ


ลียอนเจ (คึิมซอนอา)                           คังจีอุค (ลีดงอุค)


แชอึงซอก (ออมกีจุน)                             อิมเซกยอง (ซอฮโยริม)


หลังจากที่รู้ว่าตัวเองป่วย อยู่ได้แค่6เดือน เธอตัดสินใจไม่เข้ารับการรักษาเพราะเธอบอกว่าเธอต้องการใช้ "ตลอดชีวิต" ของเธออย่างที่เธอต้องการ ไม่ใช่เข้ารับฉีดยาอยู่แต่รพ. เพราะทำให้รู้สึกว่าเธอเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งจริงๆ ทั้งนี้เพราะ หมอแชเอง ถึงขนาดเป็นเพื่อน ก็ยังไม่นึกถึงจิตใจของยอนเจ เขาพูดให้ยอนเจรู้สึกอึดอัดในฐานะหมอ-คนไข้และ ฐานะเพื่อน ขณะทำงาน เธอก็ถูกตราหน้าเพราะเป็นหัวขโมย จนถูกมองว่าทำลายชื่อเสียงบริษัท และยังถูก อิมเซคยอง (ซอฮโยริม) คู่หมั้นของจีอุคและเป็นคนฝากลูกค้านักท่องเที่ยวให้กับเธอจนเกิดเรื่อง ทั้งตบหน้าและเหยียดหยามยอนเจ มาเจอหัวหน้างานตัวเองไม่แยแสความดีความงามของยอนเจอยู่ก่อนแล้วยังมองเธอไม่ดีไปด้วย สุดท้ายแล้วยอนเจจึงตัดสินใจว่าเธอจะใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการ ด้วยการเขียน Bucket's List คือการเขียนสิ่งที่อยากทำอะไรก่อนตาย ยอนเจก็ ลาออกจากงาน แก้เผ็ดหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน แต่งตัวสวยๆ ไปเที่ยวในที่ๆ เธอไม่เคยไป ได้ทำในสิ่งที่เธอฝันไว้ และ ได้รักกับคนที่เธอแอบชอบ อย่าง คังจีอุค (ลีดงอุค) ผอ.หนุ่มไฟแรงลูกชายเจ้าของบริษัททัวร์ที่เธอทำงานอยู่ เมื่อเรื่องราวเริ่มเกิดขึ้น เมื่อยอนเจได้เจอจีอุค บังเอิญ ทีนี้ สิ่งที่เธอได้วาดฝันเอาไว้จะเป็นจริงก่อนตายหรือไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อไป








 สำหรับเรา ตอนนี้กำลังดูรอบ 2 อยู่ดีๆ ก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นซีรี่ย์ที่เหมาะสำหรับคนที่ท้อแท้กับชีวิต คนที่ลืมความฝัน ความสุขของตัวเองในชีวิตอยู่บ่อยๆ หรือคนที่กำลังป่วยอยู่ ทำให้เรารู้ว่าชีวิตมีค่าแค่ไหน ที่เราต้องใช้ และรู้จักใช้มันให้มีความสุขจนกว่าเราตาย อย่างน้อยเราควรตายอย่างมีความสุขนี่นา อีกอย่างคือ ต้องอดทนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า อย่างยอนเจ รู้จักอดออมเงิน ไม่เคยใช้มัน แต่รู้มั๊ย เวลาเก็บเงินเราไม่ค่อยเห็นค่ามันเพราะเอาแต่เก็บๆ แต่เห็นค่ามันก็ตอนที่เราต้องการจะใช้มันยังไงให้คุ้มค่าที่สุด การเสียเงินไปกับความสุขที่ฝันไว้ก็คุ้มค่าอีกเหมือนกัน และ การได้เจอกับคนรัก คนใกล้ตัวที่เรารัก ให้เขามีความสุขก่อนเราจากไป ก็ทำให้เราไม่ต้องห่วงอะไรก่อนไป 




สิ่งที่เราชอบมากที่สุดคือ ทัศนคติของนางเอกที่มีต่อสิ่งรอบข้าง ถึงเธอจะถูกเหยียดหยามยังไงก็ยังลุกขึ้นมาได้ ทุกวันนี้คนเราส่วนมาก็อ่อนแอไปกับสิ่งรอบข้างเยอะเหมือนกัน แต่เราจะเอาอะไรจากตรงนั้นมาทำให้เรามีความสุขได้บ้างนะ ก็คงจะเป็นสิ่งที่เราต้องการ อยากมี อยากประสบตามที่หวังไว้นั่นแหละ







อย่างว่า ถ้าไม่ใช่นางเอกอย่างยอนเจ ก็คงไม่โชคดีที่เจอกับพระเอกอย่างจีอุค ... เอ๊ะๆ อย่าลืมว่าเรื่องนี้ตัวเอกคือนางเอก พระเอกแทบจะเป็นบทรองด้วยซ้ำ เพราะว่า อย่างที่เห็น เรื่องนี้ ตัวนางเอกเป็นตัวเดินเรื่อง ไม่ใช่ทั้งคู่ พระเอกเป็นส่วนหนึ่งที่นางเอกวาดฝันไว้ เหมือนๆ กับ ทริปไปโอกินาว่า หรือ กินอาหารแพงๆ อย่างไรก็ตาม พระเอกเป็นตัวแทนของความรักหนุ่มสาว ที่นางเอกอยากมี โดยตัวนางเอกแล้ว อายุก็ปาไป 34 ถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่สำคัญเพราะเป็นช่วงสำหรับการแต่งงาน อีกนัยหนึ่ง เรื่องนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่า มุ่งเป้าหมายเป้าหมายคนดูอายุ 30 กว่าๆ ด้วยเช่นกัน การปรากฏตัวของพระเอก ทำให้รู้ว่า สิ่งที่ยอนเจปราถนาคือ 1 เธอควรมีใครสักคน ตามที่แม่เธอบอก 2 ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เธอจะชอบผู้ชายดีๆ ฐานะดีๆ อย่างจีอุค ซึ่งบอกได้เลยว่า อิจฉายอนเจมากๆ 55+ 3 เธอควรลงหลักปักฐานก่อนจะไป อย่างไรก็ตามพอวาระสุดท้ายชีวิตของเธอ เธอรู้ว่ายังไงก็อยู่กับเขาไม่ได้ตลอดชีวิต แต่มันก็ไม่มีโอกาสไหนให้เธอได้เจอเขาอีกแล้ว










แอบเสียดายที่มีแค่ 16 ตอน อยากให้ยืดกว่านี้ แต่ว่า ถ้าได้ดูตอนจบก็คงเหมาะสมแล้วล่ะ เพราะ เขาต้องการให้หยุดแค่นั้น ... ไม่ใช่! เหตุผลในตัวของมันก็คือ ยอนเจ ได้สิ่งที่เธอต้องการครบแล้ว ก็เหลือแต่ รอ เท่านั้นแหละ เรารับรองได้เลยว่าเรื่องนี้ ยิ่งผู้หญิงดู อาจจะน้ำตาไหลได้เพราะ ลียอนเจ ยิ่งตอนที่จีอุครู้ว่ายอนเจป่วย ล่ะก็ TT-TT ...





^W^



คำพูดของยอนเจที่เราชอบมากที่สุดก็ตอน เต้นแทงโก้กับผู้ชายฝรั่งชรา ท่านหนึ่งแล้วบอกว่า เหมือนเธอได้เต้นรำกับพ่อ ได้กอดพ่อ และคิดถึงพ่อ

ขอขยายความว่า การเต้นแทงโก้ในเรื่อง จริงๆ มันเรียกว่าการเต้นอาร์เจนติน่าแทงโก้ ซึ่งต่างจากการเต้นแทงโก้ตรงที่ สัมผัสใกล้กว่า และส่วนมากคู่เต้นรำจะเป็นผู้ชายมีอายุกับผู้หญิงอ่อนกว่า เพราะงั้น ยอนเจถึงเลือกการเต้นแทงโก้ซึ่งสื่อถึงคุณพ่อที่ยอนเจจากไปนะเอง


และการที่พระเอกเข้ามาเต้นด้วย ถ้าให้เราคิด ก็คงเป็นการส่งผ่านจากพ่อไปสู่ลูกเขยนะเอง
^___^


สุดท้ายเรื่องนี้ไม่ว่ายังไงก็เป็นอีกเรื่องที่เตือนใจเราเสมอ :)



แถมเพลงเรื่องนี้ ที่ชอบก็น่าจะทุกเพลง ที่ชอบสุดๆ ก็ You Are So Beautiful - คิมจุนซู JYJ You and I - MBLAQ Blue Bird - คิมฮานึล



You Are So Beautiful - Junsu JYJ

지금 난 너의 눈을 보며 운다 
ชีกึม นัน นอเอ นูนึล โพ มยอ อุนดา
ตอนนี้ผมกำลังร้องไห้ในขณะที่สบตากับคุณ

네 맘을 보며 운다 애써
เน มามึล โพ มยอ อุนดา แอ ซอ
ผมกำลังร่ำไห้ ดังนั้น

해맑게도 쓴웃음 짓는 그 표정에
แฮ มัลเกโด ซือนูซึม ชิดนึน คือ พโย จอเง
ผมพยายามที่จะทำตัวร่าเริง แม้จะยกยิ้มอย่างขมขื่น

너를 담아두고 싶다 
นอรึล ทามาดูโก ชิพดา
ผมอยากจะมีคุณอยู่เคียงข้าง

그 바보같이 예쁜 꿈들과 어설픈 모습을
คือ พาโบกาชี เยปึน กุมดึล กวา ออ ซอลพึน โมซือบึล
ทั้งความฝันอันน่าขันทว่าสวยงามและแม้แต่ความซุ่มซ่ามของคุณ

하루하루 네 모습이 추억을 만들어
ฮารุฮารุ เน โมซือบี ชูออกึล มันดือ รอ
ในแต่ละวัน ผมสร้างความทรงจำใหม่ ๆ ได้มากมายก็เพราะคุณ

나 기억해 네 여린 손 흩어진 머리까지도
นา คี ออแค เน ยอริน ซน ฮือ ทอจิน มอรีกาจีโด
ผมจำได้ทุกอย่าง ทั้งมือที่อ่อนนุ่มของคุณและกระทั่งผมที่ยุ่งเหยิงของคุณ


*(Forever you) You are so beautiful 
(เพียงคุณตลอดไป) คุณนั้นช่างงดงามเหลือเกิน

내 가슴에 밀려와 
แน คาซือเม มิล รยอ วา
มันตรงเข้ามาในใจผมอย่างฉับพลัน

스며와 
ซือ มยอ วา
ค่อย ๆ ซึมซาบเข้าไป

다가와 번진 네 상처도
คากาวา พอนจิน เน ซัง ชอโด
บาดแผลทั้งหมดของคุณนั้น มันกำลังส่งผ่านมายังผมแล้ว

(Forever you) You are so wonderful 
(เพียงคุณตลอดไป) คุณนั้นช่างเลอเลิศเหลือเกิน

시린 네 사랑도 네 눈물도 내 아픈 상처를 지우죠
ชีริน เน ซารังโด เน นุนมุลโด แน อาพึน ซัง ชอรึล ชีอู จโย
แม้กระทั่งความรักอันเย็นชาและน้ำตาของคุณก็ลบเลือนบาดแผลอันเจ็บปวดของผมไป

널 사랑한다 널 사랑한다
นอล ซารางันดา นอล ซารางันดา
ผมรักคุณนะ ผมรักคุณ


이제는 너를 안아주고 싶다 
อีเจนึน นอรึล อานาจูโก ชิพดา
ตอนนี้ผมอยากจะโอบกอดคุณไว้

그 차가운 세상 끝에 홀로 서성이던 널
คือ ชากาอุน เซซัง กือเท ฮลโร ซอ ซอ งี ดอน นอล
คุณ คนที่ยืนอยู่บนโลกที่โหดร้ายใบนี้เพียงลำพังมาตลอด

하루하루 내 사랑이 네 맘을 위로해 
ฮารุฮารุ แน ซารางี เน มามึล วีโรแฮ
ในแต่ละวัน ความรักของผมจะปลอบโยนใจของคุณ


상처난 네 가슴에 내 기억들을 담는다 
ซัง ชอนัน เน คาซือเม แน คี ออก ดือรึล ทัมนึนดา
ผมจะเติมเต็มหัวใจที่บอบช้ำของคุณด้วยความทรงจำของผม

Repeat *

한순간 조차 잊지 말아요 
ฮันซุนกัน โชชา อิดจี มาราโย
โปรดอย่าลืมแม้สักช่วงเวลา

얼마나 얼마나 사랑했는지 기억해요 for you
ออล มานา ออล มานา ซารา แงด นึนจี คี ออแคโย for you
อย่าลืมว่าผมรักคุณมากขนาดไหน มากถึงเพียงใด เพียงเพื่อคุณ

Repeat *

네 기억으로 살고싶다
เน คี ออ กือโร ซัลโกชิพดา
ผมอยากจะคงอยู่ในความทรงจำของคุณนะ

Credit:: satomi709201@youtube
English Trans:: lyriclirik.blogspot.com + TheMinhoAddiction@youtube
Thai Romanization & Thai Trans:: daikun@exteen (~#DN_LoveR#~)





You and I - MBLAQ
Ost.Scent of a Woman


라라 랄라랄라 라라랄라
ลาลา ลัลลาลัลลา ลาลาลัลลา
라라 랄라랄라 라라랄라
ลาลา ลัลลาลัลลา ลาลาลัลลา

When I wake up morning  everyday 넌 내 style
When I wake up morning  everyday นอน แน  style
เมื่อฉันตื่นมาตอนเช้า ทุกๆวันเธอเป็นของฉัน

니가 천국이야  니가 나의 꿈이야
นีกา ชอนกูกียา นีกา นาเอกูมียา
เธอเป็นเหมือนสวรรค์ เธอเป็นเหมือนความฝัน

You're something in my dream
You're something in my dream
เธอคือบางสิ่งบางอย่างในความฝันของฉัน


너무 행복했던 너와나의 History
นอมู แฮงบกแฮซตอน นอวานาเอ History
มีความสุขมากๆ ในเรื่องราวของเธอกับฉัน

너와 내가 처음 사랑했던 그자리
นอวา แนกา ชออึม ซารังแฮซตอน คือจารี
เริ่มตั้งแต่เราตกหลุมรักกัน

sometime in the morning
sometime in the morning
บางเวลาในตอนเช้า

sometime in the everynight
sometime in the everynight
บางเวลาในทุกๆคืน

I wanna hold you in my eyes
I wanna hold you in my eyes
ฉันต้องการให้เธออยู่แต่ในสายตาฉัน

내게 다가와 줄래
แนเก ทากาวา ชุลแร
คุณจะใกล้เข้ามาหาฉันอีกได้ไหม

한발짝 다가와줄래 워어어
ฮันบัลชัก ทากาวาชุลแร วอ ออ ออ
ใกล้เข้ามาขึ้นอีกขั้น

니가 함께 한다면
นีกา ฮัมเก ฮันดามยอน
ถ้าคุณมากับฉัน

그래준다면
คือแร ชุนดามยอน
ถ้าหากมันเป็นแบบนั้น

세상 모든걸 다 준대도
เซซัง โมดึนกอล ทา ชุนแดโด
ฉันก็จะมีพร้อมทุกอย่างบนโลกนี้

난 행복할꺼야
นัน แฮงบกฮัล กอยา
ฉันคงจะมีความสุข

You are my sunshine everynight
You are my sunshine everynight
เธอคือแสงสว่างของฉัน ในทุกๆคืน

사랑은 이런건가봐
ซารังอึน อีรอน กอนกาบวา
ฉันคิดว่านี่แหละคือความรัก

이게 사랑인가봐You&I
อีเก ซารังอิน กาบวา You&I
นี่แหละคือความรักของ เธอกับฉัน


라라 랄라랄라 라라랄라
ลาลา ลัลลาลัลลา ลาลาลัลลา
라라 랄라랄라 라라랄라
ลาลา ลัลลาลัลลา ลาลาลัลลา

When I wake up morning everyday 넌 내 style
When I wake up morning everyday นอน แน style
เมื่อฉันตื่นมาตอนเช้า ทุกๆวันเธอเป็นของฉัน

kiss me in the morning
kiss me in the morning
จูบฉันในตอนเช้า

kiss me in the everynight
kiss me in the everynight
จูบฉันในทุกๆคืน

I wanna hold you in my eyes
I wanna hold you in my eyes
ฉันต้องการให้เธออยู่แต่ในสายตาฉัน

내게 다가와 줄래
แนเก ทากาวา ชุลแร
คุณจะใกล้เข้ามาหาฉันอีกได้ไหม

한발짝 다가와줄래 워어어
ฮันบัลชัก ทากาวาชุลแร วอ ออ ออ
ใกล้เข้ามาขึ้นอีกขั้น

니가 함께 한다면
นีกา ฮัมเก ฮันดามยอน
ถ้าคุณมากับฉัน

그래준다면
คือแร ชุนดามยอน
ถ้าหากมันเป็นแบบนั้น

세상 모든걸 다 준대도
เซซัง โมดึนกอล ทา ชุนแดโด
ฉันก็จะมีพร้อมทุกอย่างบนโลกนี้

난 행복할꺼야
นัน แฮงบกฮัล กอยา
ฉันคงจะมีความสุข

You are my sunshine everynight
You are my sunshine everynight
เธอคือแสงสว่างของฉัน ในทุกๆคืน

사랑은 이런건가봐
ซารังอึน อีรอน กอนกาบวา
ฉันคิดว่านี่แหละคือความรัก

이게 사랑인가봐You&I
อีเก ซารังอิน กาบวา You&I
นี่แหละคือความรักของ เธอกับฉัน


행복한 꿈을 꾸는 것만 같은
แฮงบกฮัน กูมึล กูนึน กอซมันกาทึน
เหมือนว่ากำลังฝัน ซึ่งเป็นความฝันที่มีความสุข

저하늘 별이 눈이 부신 이밤에
ชอฮานึล พยอรี นูนี พูซิน อีบาเม
ท้องฟ้านั่น ดวงดาวช่างสว่างไสว

너에게 사랑한단 말을 전해  in my heart
นอเอเก ซารังฮันดัน มารึล ชอนแฮ  in my heart
และฉันก็จะบอกเธอว่าฉันรักเธอ ในใจของฉัน

내게 다가와 준 널
แนเก ทากาวา ชุนนอล
เธอใกล้ฉันเข้ามาแล้ว

한발짝 다가와 준 널 워어어
ฮันบัลชัก ทากาวาชุน นอล วอ ออ ออ
ใกล้ฉันเข้ามาอีกขั้นแล้ว

행복하게 해줄게 웃게해줄게
แฮงบกคาเก แฮชุลเก อุซเกแฮชุลเก
ฉันจะทำให้เธอมีความสุข ทำให้เธอยิ้ม

내가 니편이 되어줄게
แนกา นีพยอนี ทวีออชุลเก
ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณ


난 행복할꺼야
นัน แฮงบกฮัน กอยา
ฉันคงจะมีความสุข

You are my sunshine every night
You are my sunshine every night
เธอคือแสงสว่างของฉัน ในทุกๆคืน

사랑은 이런건가봐
ซารังอึน อีรอน กอนกาบวา
ฉันคิดว่านี่แหละคือความรัก

이게 사랑인가봐You&I
อีเก ซารังอิน กาบวา You&I
นี่แหละคือความรักของ เธอกับฉัน

cr. Korean lyric  [Hangul + Romanization] , Eng Trans lyric [pop!gasa]
คำอ่านไทย+แปลไทย [กรี๊ดโจวรักกี้หลงคยู 279249]
















J.M.

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

[เรื่องสั้น] สายฝน สายลม


เสียงแตรกำลังถูกบีบโดยคนขับรถประจำทางสายหนึ่งอยู่หลายครั้ง ผู้โดยสารต่างยืนกันเบียดแน่นแย่งพื้นที่ยืน ถ้าไม่นับที่นั่งเต็มแล้วล่ะก็ รถคันนี้อาจจะได้กลายเป็นกระป๋องอัดปลาทูเป็นแน่ ที่ผู้คนยอมเบียดกันขนาดแย่งหายใจกันรถขนาดนี้เป็นเพราะอากาศข้างนอกนั้นไม่สดใส สายฝนสาดกระหน่ำ ดูท่าจะไม่หยุดในอีกไม่กี่นาที มันเป็นแบบนี้ทุกเย็น คนเรามักจะกลัวสายฝนเพราะความหนาวนำมาซึ่งมาความเจ็บป่วย ในขณะที่บางครั้งคนเราก็อยากจะตากฝน อย่างไรก็ดี คนส่วนใหญ่ในนี้น่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า

เกือบจะชั่วโมงหนึ่งแล้ว  สายฝนก็ยังคงไม่หยุดตกอยู่ดี ภายในรถก็ยังคงไม่มีอะไรเคลื่อนไหวนอกจากตัวเครื่องยนต์และหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งริมหน้าต่าง เธอกำลังเปิดสมุดปฏิทินของเธอไล่เขียนรายชื่องานที่เธอต้องกลับไปทำให้เสร็จก่อนวันกำหนด เธอขีดฆ่าวันที่ผ่านไปเหลือไม่กี่วันก็จะเปลี่ยนไปเดือนใหม่ให้เธอขีดฆ่าอีก เธอเก็บสมุดนั้นใส่กระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาลของเธอและหยิบเพลงขึ้นมาฟังรอลงป้ายหน้า ระหว่างที่เสียงไพเราะก้องในโสตประสาท เธอก็สัมผัสถึงความหนาวเย็นของสายฝันผ่านกระจกหน้าต่าง เธอเห็นหยาดฝนเกาะเป็นสายจนกลายเป็นเม็ด

เมื่อเห็นปลายทางเธอจึงรีบกดกริ่งและแทรกฝูงชนบนรถกว่าจะออกมาได้ จากนั้นเธอก็รีบกางร่มสีชมพูแก่ที่แม่เธอซื้อให้ เธอชอบมันมาก เธอถือมันพร้อมกับฟังเพลงไปตามสายฝน เมื่อเดินข้ามถนน เธอเผลอฟังเพลงจนถูกรถสปอร์ตสีน้ำเงินเฉี่ยว เธอตกใจและผวาเล็กน้อย เป็นสีหน้าที่แสดงออกชัดเจนกว่ารอยยิ้มของเธอ เธอเดินข้ามไปถึงอีกฝั่งก็ถูกลมพัดกระหน่ำอีกครั้งจนร่มที่แม่เธอซื้อให้บิดเบี้ยว เธอจึงเก็บร่มและวิ่งฝ่าฝนนั้นไปหลบในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เธอก็พบกับความเย็นภายในอาคารจึงเช็ดปัดน้ำฝนออกด้วยความรู้สึกหนาวสั่น เธอจึงหยิบเสื้อกันหนาวออกมาคลุม

เธอเดินเข้าไปในร้านหนังสือหาอะไรอ่านรอเวลาฝนหยุดตกจึงจะได้กลับบ้าน เธอหยิบเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านอย่างไร้จุดหมาย เธอยิ้มอย่างชัดเจน เมื่ออ่านจบเธอจึงหยิบเล่มต่อไปขึ้นมาอ่าน ทำหน้าราวกับเข้าใจในเนื้อหา และเธอก็วางลง เธอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกเบื่อ หลังจากวางเล่มสุดท้ายลง เธอจึงหันไปหยิบอีกเล่มหนึ่ง ก็พบกับอีกมืออหนึ่ง เธอจึงละมือออกจากเล่มนั้นและผายมือให้เขา เขาก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ต่างกันที่เขายิ้มให้เธอ ในขณะที่เธอมีใบหน้าเรียบเฉย เธอจึงหยิบมันขึ้นมา เขาเองก็หยิบเล่มเดียวกันที่อยู่ถัดไปขึ้นมาอ่านเช่นกัน แต่ต่างกันที่เขาอ่านรู้เรื่องมากกว่าเธอล่ะมั๊ง

เธออ่านไปกี่หน้าๆ ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เธอจึงตั้งใจจะวางมันลงอีกครั้ง แต่เมื่อเธอหันไปดูคนข้างๆ ที่ยืนถือเล่มเดียวกับเธอ เขาอ่านมันอย่างตั้งใจ ราวกับเข้าใจทุกตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้านั้นที่เธอเพิ่งปิดหน้านั้นไป เธอสังเกตเห็นแหวนที่เขาสวม จึงหยิบเล่มนั้นไปพร้อมกับตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายค่าหนังสือเล่มนั้น เธอหยิบกระเป๋าเพื่อหยิบเงินและบัตรสมาชิกสีขาวให้กับพนักงานขาย พวกเขายิ้มให้กับเธอ แต่เธอก็ยิ้มให้กับเขากลับ ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะครับเขากล่าวแบบนี้กับลูกค้าทุกคนเป็นประจำ และกับเธอทุกครั้งเช่นกัน

เธอหยิบมันขึ้นมาอ่านและยิ้มไปกับสิ่งที่รับรู้ เมื่อเธออ่านเสร็จ เธอหันกลับไปที่ร้านหนังสืออีกครั้งโดยไม่ทันสังเกตคนที่ยิ้มให้กับเธอเดินออกจากร้านลับตาไป เธอมองสถานที่แห่งนั้นสักพักพร้อมกับเผยรอยยิ้มให้กับเขาที่กำลังทำงานอยู่ เธอยิ้มและหยิบสมุดปฏิทินของเธอขึ้นมาทำสัญลักษณ์รอยยิ้มบนวันนั้นแทนรอยขีดด้วยปากกาสีแดง และเขียนว่า “วันพิเศษ” ขณะนั้นเองสายฝนก็ซาลงและท้องฟ้าก็กลายเป็นสีทองยามเย็นรองรับตะวังที่กำลังลาลับ เป็นเวลาที่เธอจะต้องกลับบ้านแล้ว เธอยิ้มลาอีกครั้ง และคิดว่าเธอจะกลับมาหาเขาอีกในวันข้างหน้า เธอจึงรีบเดินข้ามถนนกลับอีกฝั่งอีกครั้ง คราวนี้เป็นอีกครั้งที่ไม่โชคดีเหมือนเดิม รถบ้านสีแดงขับมาด้วยความเร็วสูงโดยที่เธอไม่ระวัง เธอจึงก้าวถอยหลังอย่างโซซัดโซเซและช็อคกับเหตุการณ์เมื่อกี้ ยางรัดผมที่เธอรัดก็พลอยขาดไปด้วยและนั่นเองทำให้เธอนึกบางสิ่งออกขึ้นมาได้ เธอลุกขึ้น ดึงสายหูฟังออก และวิ่งกลับไปที่ร้านหนังสืออีกครั้งพร้อมกับผมดำขลับยาวสยายไปตามสายลมบริสุทธิ์

J.M.

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

เรื่องสั้น Ago - J.M. - part 1


คำเตือน : เรื่องราวทั้งหมดนั้นไม่ได้อ้างอิงถึงใคร ล้วนแต่เป็นจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น

เป็นเรื่องราวความรักของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีต่อดารานักร้องชื่อดังคนหนึ่ง
เธอชื่นชอบทั้งผลงานทั้งการแสดงและนิสัยของผู้ชายคนหนึ่ง เธอเห็นเขาได้แค่จากหน้าจอสี่เหลี่ยม หรือแม้กระทั่งบนเวที เธอทำได้แค่เอื้อมมือคว้าดาวเท่านั้น ในฐานะที่เธอเป็นแฟนคลับเขา และรักเขามากล้นเหลือ เธอจึงทำทุกอย่างที่จะสื่อสารกับเขา เธอทั้งส่งจดหมาย ส่งของขวัญจำพวกเสื้อผ้าน้ำหอม แต่ส่วนใหญ่ที่เธอให้จะเป็นหนังสือ เขียนข้อความในใจทุกๆ ครั้งที่เธออยากให้ วันแล้ว

จนวันหนึ่งทีข่าวลือว่าเขากำลังคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง แม้เธอจะรู้สึกเจ็บใจนิดๆ เธอก็ยังสาบานว่าจะรักเขาอยู่ห่างๆ ห่างไกลจนไม่มีสิทธิืเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วันเล่า ทุกๆ ครั้งที่เธอเห็นเขา เธอกลับต้องทำใจว่า ทุกสิ่งที่เธอคิด ที่เธอฝัน มันไม่อาจกลายเป็นจริงได้เลยสักวัน  จนทุกๆ วัน ทุกๆ นาที เธอเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ความคิดความรู้สึกเหล่านี้ทำให้เธอเริ่มห่างจากดารานักร้องคนนั้นเรื่อยๆ
สิ่งสุดท้ายที่เธอเหลือไว้คือความทรงจำรักแรกข้างเดียว รักเดียวที่เขาไม่สามารถรู้จัก จากที่เคยบ้ารัก ณ ปัจจุบันเธอเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่บนโลกใช้ชีวิตในแบบผู้หญิงโสดทั่วไป ไม่แม้แต่จะเดท หรือกล้าที่จะรักใคร ในใจเธอนั้นมีเจ้าของตลอดมา 

บางทีที่ก็มีใครเข้ามาทำให้เธอหวั่นไหว แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกชอบ หรือ อยากตอบรับรักกับพวกเขาเหล่านั้น เพียงเพราะเธอคิดว่า “พวกเราน่าจะเป็นเพื่อนดีกว่านะ” หากในความเป็นจริง เพราะเธอยังลืมรักในโลกแห่งความฝันนั้นไม่ได้ โลกที่เธอฝากรักไว้กับดารานักร้องในฝันคนนั้น แม้ไม่เคยได้รับรักกลับมา หรือแม้แต่ได้รู้จักกับเขาอย่างจริงๆ จังๆ จนเลยวัยรุ่นย่างเข้าสู่วัยทำงาน เธออายุ25แล้ว ส่วนดาราคนนั้นก็เลยวัยหนุ่มสาวแล้วเช่นกัน ระยะเวลาที่ผ่านมาเธอไม่ได้รับรู้ติดตามข่าวคราวเขาเลยจนกระทั่ง เขาประกาศแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาคบตั้งแต่เธอยังเป็นวัยรุ่นและเธอก็จำได้เช่นกัน

เธอรู้สึกเจ็บเหมือนมีตะกอนเล็กๆ มันกระทบก้นบึ้งของหัวใจ ใช่ เธอยังไม่ได้เลิกรักเขา แม้เธอจะไม่ได้เห็นหน้าเขาตลอดเวลาแล้ว เธอจึงชวนเพื่อนไปผับบาร์ คลายความเศร้าและอกหัก เธอเมาจนไร้สติ  และขณะนั้นเอง... เธอเห็นเขา ดื่มกับสาวอื่นอีกห้องหนึ่ง เธอคิดว่าตัวเองตาฝาดหรือเปล่า เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ ..เธอ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่ได้สติอะไรมากนัก และเธอก็หลุดปากว่าออกไป “เสียดายที่ฉันเป็นแฟนคลับคุณตั้งแต่คุณยังไม่ดัง ฉันไม่นึกเลยว่าคนที่ฉันรักมากที่สุด รองจากพ่อจากแม่ จะเป็นคุณ ... ฉันมาน่าสมเพชจริงๆ น่าสมเพชจริงๆ ...” และเธอก็เมาล้มทับที่ๆ เขานั่งอยู่  เขามองเธอด้วยความประหลาดใจ เล็กน้อย และก็อุ้มเธอกลับไปหาเพื่อนๆ ของเธออีกห้องหนึ่ง แต่สร้อยข้อมือของเธอกลับตกอยู่กับพื้น

เธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าอยู่ในบ้าน จำเหตุการณ์เมื่อคืนนั้นไม่ได้ จึงไปสร่างเมาก่อนออกไปทำงาน เธอทำงานเป็นผจก.ฝ่ายออกแบบภายใน เธอมีนัดกับลูกค้าคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ... เธอก็พบว่าลูกค้าของเธอก็คือดาราที่เธอรักมานานกับ ผู้หญิงที่เธอเคยหมั่นไส้ ...
ย้อนกลับไป ตอนที่มีข่าวคบกันของเขากับผู้หญิงคนนั้น เธอจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เกาะเขาดัง ผ่านมา10ปี เธอก็ยังคงให้ความรู้สึกแบบนั้น เธอทักทายเขาอย่างเรียบง่าย ไม่แสดงออกว่าตัวเองคือแฟนพันธ์แท้ แต่เขากลับส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นที่เธอเห็นทุกๆ วัน เอกลับรู้สึกว่า ทุกๆ สิ่งในวัยรุ่นกำลังกลับมาอีกครั้ง 


พวกเขาปรึกษากันว่าอยากให้บ้างมีสไตล์แบบไหน สร้างที่ไหนและนัดดูสถานที่เป็นต้น แต่ระหว่างนั้นเธออธิบายไปเขากลับพูดคุยกับเธออย่างสบายอกสบายใจเหมือนรู้จักกันมานาน ก่อนกลับ เธอเพิ่งออกจากห้องน้ำ เขากำลังยืนรอเธออยู่ข้างหน้าห้องน้ำ เขาบอกเธอว่า “ผมจำคุณได้แล้ว” หญิงสาวประหลาดใจกับประโยคนั้น มันหมายความว่าอย่างไรกัน เขาจำเธอได้ยังไง เธอจึงถามต่อ เขาเล่าเหตุการณ์เมื่อคืน ผิดกับที่สาวเจ้าคิดไปไกล แต่ไม่นานนักสิ่งที่เธอคิดกลับถูกต้อง เขาเล่าต่อว่า เขาจำสร้อยข้อมือเส้นนี้ได้พร้อมกับจี้รูปผีเสือสีน้ำเงินพร้อมกับหยิบคืนให้เธอ เขาเล่าต่อว่า เขาเคยได้รับของจากแฟนคลับคนหนึ่งที่ลงท้ายด้วยรูปผีเสื้อตัวนี้เมื่อนานมาแล้ว จนเธอหายไป

เธอรู้สึกช็อคอีกครั้งกับสิ่งที่เขาเคยจำได้ในสิ่งที่เธอเกือบจะลืม แต่กระนั้นเขาก็ถามต่อว่าทำไมถึงไม่ส่งมาอีก เกิดอะไรขึ้นเหรอ
เธอก็ตอบเขาไปว่า เธอไม่สามารถอยู่ในโลกที่รักเขาข้างเดียวแม้แต่เขาจะไม่ได้รู้จักกัน เขาเข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อ และเขาก็อธิบายในส่วนของเขา แต่ทว่า โชคกลับไม่เป็นใจ ว่าที่เจ้าสาวของเขาเรียกเขากลับไป ก่อนจาก เขาทิ้งท้ายไว้ “ที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพื่อปกป้องแฟนคลับคนหนึ่ง และผมก็เจอ...”




J.M.


ไม่ได้อัพบล็อคมานาน คิดถึงจัง 
ช่วงนี้ก็สอบอะไรเยอะแยะ เลยเบื่อๆ หนังสือขึ้นมาแตะคอม 
และก็อยู่ดีๆ นึกเรื่องขึ้นมาได้เฉยเลย ก็เลยจัดไปสักนิด
กลายเป็นว่ายาวเกินพาร์ทหนึ่งซะงั้น
พอดีเราก็เป็นแฟนคลับกับเขาเหมือนกัน ก็เลยลองแต่งดูว่า ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจะเป็นยังไงบ้างนะ
บางทีชอบแต่งนิทานมากกว่านิยาย แต่เป็นนิทานวัยรุ่นวัยสาวมากกว่า
เป็นคนไม่ค่อยชอบลงรายละเอียด ไม่ชอบคิดบทพูด ก็เลยแต่งมันห้วนๆ แบบนี้
เลยกลายเป็นแนวถนัดซะงั้น 


ยังไงก็มีอะไรที่ติชมก็คอมเม้นท์ข้างใต้ได้นะคะ 
เราอยากรู้ความเห็นของหลายๆ คน 
หากในความเป็นจริงแล้ว พวกคุณคงเข้ามาแล้วก็ออกไปยังไงก็ขอบคุณที่ยังเปิดเข้ามาอ่านนะคะ^^

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

เรื่องสั้น Because You Live - J.M.


Because You Live – J.M. (DeuxJ)

มันเป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง สมัยก่อนเธอพูดกับตัวเองว่า แม้ชีวิตทุกๆ วันนี้แย่ จะลำบาก หรือมีเรื่องที่ทำให้เธออารมณ์ไม่ดี เธอแค่ภาวนาขอให้ตัวเองฝันดีทุกคืน ฝันถึงคนที่ใช่สำหรับเธอ คนที่ทำให้เธอรักและพร้อมจะอยู่ชีวิตไปกับเขา และเธอก็ได้ฝันถึงคนนั้นของเธอแบบนี้ทุกวัน เธอรู้สึกดีใจทุกครั้งก่อนนอน เสมือนเธอมีคนรักในความฝันทุกๆ คืน ได้อยู่ด้วยกัน พูดคุยเรื่องราวให้แก่กัน เธอมีความสุขมากเมื่อฝันถึงเขา ถ้าวันไหนที่ไม่ได้ฝันถึงวันถัดมาจากนั้นเธออาจะทุกข์ขึ้นมาก็ได้ เพราะฉะนั้นเธอทำได้แต่นึกถึงคนในฝัน คิดถึงคนในฝันให้ตลอด จนกระทั่งเขามีตัวตนในชีวิตจริงๆ ของเธอ  นี่คงจะเป็นความสุขเล็กๆ ที่เธอไม่สามารถหาที่ไหนได้อีกแล้ว กลายเป็นว่าชีวิตจริงเธอไม่คิดที่คบใคร เพราะเธอมีสิ่งที่ต้องการแล้วแม้จะไม่ใช่สิ่งที่มีตัวตน

ผ่านไปหลายปีเธอยังคงมีความสุข แต่ก็พบกับความเป็นจริงที่ว่าเธออยากอยู่กับเขามากกว่าที่จะตื่นมาพบความจริง เธอจึงหาวิธีทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องตื่น เธอจึงทำงานอย่างหนักเพื่อรวบรวมเงินที่ได้จากงานของเธอก้อนหนึ่ง สร้างบ้านส่วนตัวที่ไกลๆจากเมืองใหญ่ เธอจ้างคนมาดูแลบ้าน และปรึกษาคุณหมอที่ไว้ใจพร้อมดูแลเธอ ในระหว่างที่เธอนอนหลับไปตลอดกาล  เธอได้จ้างสถาปนิกหนุ่มคนหนึ่ง เธอปรึกษาเรื่องแบบสร้างบ้านในหลายๆ แบบที่เธออยากให้เหมือนในฝันที่ฝันไว้กับเขาคนนั้น และทุกๆ วันที่เธอกลับจากที่ทำงาน เธอก็ไปหาหนุ่มสถาปนิกเพื่อติดตามงานทุกฝีก้าว เพื่อให้บ้านของเธอออกมาอย่างไม่มีที่ติ ระหว่างพักการทำงาน สถาปนิกหนุ่มเป็นประเภทชอบคุยเฮฮา จึงชวนเธอคุยเรื่องราวต่างๆ เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง หญิงสาวก็เล่าเช่นกัน บางครั้งชายหนุ่มคนนั้น ก็สงสัยว่าทำไมเธอถึงยอมทุ่มเทติดตามงานออกแบบมากขนาดนี้ เขารู้มาว่าเธอไม่มีใครเลย เธอยู่ตัวคนเดียว แต่เธอบอกว่าเธอมีคนรักแล้ว แต่ไม่สามารถมาได้ หนุ่มสถาปนิกก็ไม่ได้สงสัยนึกว่าแฟนของเธอยุ่งอยู่ บางครั้งเขาก็เห็นเธอหลับระหว่างปรึกษางาน เห็นเธอยิ้มตอนหลับในบางครั้ง บ้างก็เห็นน้ำตาเธอไหลรินบนแก้ม จนเหตุการณ์ผ่านไปเริ่มแสดงให้เห็นชัดเจน เธอเผลอหลับเพราะเหนื่อยอีกครั้ง ชายหนุ่มสถาปนิกจึงอุ้มเธอลงไปนอนบนโซฟา และ เธอเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง ฉันรักคุณที่สุดเลย พร้อมกับซุกศีรษะลงบนอกชายหนุ่ม แต่เขาก็อนุมานว่า เธอคงคิดถึงแฟนที่จากไป ชายหนุ่มทำได้แต่คอยดูแลเธอยามหลับเท่านั้น ทำได้แค่มองเธอยามหลับพริ้ม รอยยิ้มที่ถ้าเธอตื่นขึ้นมาอาจะไม่ได้เห็นอีก ในเช้าวันต่อมาของวันนั้น หญิงสาวตื่นขึ้นมาก็พบว่าหนุ่มสถาปนิกนอนเฝ้าอยู่ข้างๆ โซฟา เธอไม่กล่าวอะไร พร้อมกับมองผ่านหน้าต่างทิวทัศน์ทะเลกว้างข้างนอก

เดือนสุดท้ายของการต่อเติมบ้าน หญิงสาวรู้สึกดีใจที่งานใกล้เสร็จ วันนั้นเธอก็นอนอีกครั้ง พร้อมกับละเมอพูดว่า บ้านของเราเสร็จแล้วนะ หนุ่มสถาปนิกที่เผลอมาได้ยินเข้า เขารู้สึกไม่แน่ใจกับสิ่งที่เธอเป็นอยู่ เขาเคยคิดว่าแฟนของเธอยุ่งจนไม่มาหาเธอก็คงเป็นไปไม่ได้หรือว่าเขาเสียแล้ว...?  แต่เมื่อนึกเรื่องราวย้อนกลับไป เธอไม่เคยพกรูปถ่าย หรือแม้แต่เยี่ยมแฟนของเธอที่สุสาน  เมื่อบ้านงามที่เธอตั้งใจเฝ้างานเสร็จ เธอโทรหาแพทย์ประจำตัวของเธอพร้อมกับแม่บ้านคนที่จะดูแลเธอระหว่างอยู่กับชายในฝันของเธอ และหลายอาทิตย์ต่อมา หลังจากที่หนุ่มสถาปนิกวุ่นกับโปรเจคใหม่ เขาคิดถึงเธอจึงกลับมาดูบ้าน แม้จะหมดพันธะกันแล้ว แต่สำหรับเขามันยังคงดำเนินมาเรื่อยๆ และระหว่างที่เขาหายไปเขารู้ว่าไม่สามารถปิดกั้นตัวเองจากความรู้สึกที่แท้จริงได้ เขาจึงกลับไปบ้านนั้นอีกครั้ง ก็พบว่าหญิงสาวนอนหลับอยู่ เห็นรอยยิ้ม เห็นน้ำตา หน้าเศร้า หน้าดีใจทุกรูปแบบพึงที่เธอจะแสดงอารมณ์ออกมาได้ เขารอจนเธอลืมตาตื่น แต่มันนานเกินไปที่เธอนอนอย่างนั้นติดต่อมาสองวันแล้ว เขาจึงรู้ความจริงจากแม่บ้าน มันทำให้เขารู้สึกเสียใจมาก ที่เขาไม่สามารถบอกความรู้สึกจริงๆ ของเขาออกมาให้เธอได้ยินได้อีก เขาขอร้องให้แพทย์ช่วยทำให้เธอฟื้น และหยุดให้ยาเธอ คุณหมอไม่สามารถทำได้เพราะหญิงสาวทำสัญญากันแล้วเรียบร้อยว่าเธอจะหลับตลอดกาล เขาเข้ามาเฝ้าเธอ ทุกๆ วัน สารภาพความในใจให้เธอฟังก่อนเวลานอนของเขาทุกครั้ง บางครั้งเขาก็มาเยี่ยมตอนที่แพทย์ให้ยาเธอ เขาเห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดในสายตา

ผ่านไปหนึ่งเดือนที่เขาไปเยี่ยมเธอ เล่าความในใจทุกๆ แก่เธอ ทำตัวราวกับเธอกำลังฟังเขาอยู่ทุกๆ นาที แพทย์ที่จ่ายยาให้เห็นดังนั้น เขาจึงเริ่มลดยาน้อยลง เขาเองคงจะรู้สึกผิดมากไปกว่านี้แต่เขาก็สงสารหญิงสาวเช่นกัน เวลาที่คุณหมอนึกถึงความตั้งใจของเธอเมื่อยังมีชีวิตจากคำบอกเล่าของเธอเกี่ยวกับความสุขของเธอ อย่างไรก็ตามเขาก็ยอมลดยานั้นแต่ไม่เลิกที่จะให้ ไม่กี่คืนต่อมา ผลจากการให้ยาน้อยลง จากที่เธอหลับสนิท เธอเริ่มละเมอพูดเป็นเรื่องราวมากขึ้น และหยุดไปเป็นพักๆ เธอพูดเหมือนกับพูดคุยกับเขาอยู่ แม้ชายหนุ่มจะรู้ว่าเธอคุยกับชายในฝันของเขา แต่เขาก็อยากที่จะตอบคำถามนั้นเหมือนกัน  เหตุการณ์ผ่านไป ดูเหมือนกจะดีขึ้นเรื่อยๆ แม้หญิงสาวทำได้แค่คุยละเมอโดยที่ไม่รู้ตัวว่าหนุ่มที่อยู่ข้างเตียง คอยคุยเป็นเพื่อนอยู่ด้วย แม้จะหัวเราะก็หัวเราะทั้งน้ำตา แม้จะยิ้มเธอก็ไม่เห็นรอยยิ้มของเขา

คืนแล้วคืนเล่า เขาใช้ชีวิตที่เหมือนเป็นคนดูแลราวกับสามีที่ดูแลภรรยาที่ป่วย แม้ในความเป็นจริงแล้ว เธอได้พูดเอ่ยขึ้นมาว่าเธออยากแต่งงานกับเขาในฝัน เขาก็ดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน มีบ้างที่ชายหนุ่มรู้สึกอิจฉาผู้ชายที่ไม่มีตัวตนคนนั้นจะแต่งงานกับเธอ เขาจึงตอบกลับไป แต่วันนั้นเองเขาก็ซื้อแหวนมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายให้เธอ มือของเขากุมมือของเธอตลอดเวลา และ หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาว่า ฉันรักคุณค่ะ เขาก็ตอบกลับ เช่นเดียวกัน พร้อมกับประทับรีมฝีปากแผ่วเบาที่ปลายรีมฝีปากอมชมพูของหญิงสาวและเขาก็เฝ้านอนเธออยู่ข้างเตียงเหมือนที่เคยทำ และแอบหวังลึกๆ ว่าวิธีนี้อาจจะทำให้เธอฟื้นเหมือนในนิทานปรัมปรา พร้อมทั้งกุมมืออย่างที่เคยทำทุกวัน และวันรุ่งขึ้นเขารู้สึกตัวอีกว่าเขาอยู่บนเตียงมีศีรษะนอนทับบนแขนซ้ายของเขา นั่นคือภรรยาของเขานั่นเอง  เขาไม่เคยได้เห็นเธอใกล้ๆ ในมุมแบบนี้ แม้เธอจะหลับไม่รู้เรื่องยังไงเขาก็ไม่เคยคิดจะแตะต้องเธอใกล้กว่าที่จะทำได้ แต่ข่าวร้ายในวันต่อมาแพทย์ที่ให้ยาเธอวินิจฉัยว่าเธอกำลังจะสิ้นใจ ตอนแรกเขากล่าวหาหมอว่าเขาเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนี้ หมอได้อธิบายอย่างใจเย็น เขาเก็บความลับชิ้นสุดท้ายของหญิงสาวไว้ว่าเธอเป็นโรคมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย เธอจึงเลือกวิธีนี้และต้องการจากไปอย่างมีความสุข นั่นจึงเป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกเสียใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ แม่บ้านจึงช่วยมาปลอบสามีของหญิงสาวพร้อมกับร้องไห้เสียใจเช่นกัน  ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจเขาเลือกที่จะทำหน้าที่สามีครั้งสุดท้าย ทั้งลาออกจากงานและลาทุกคนที่เขารู้จัก เขาทำสัญญากับหมอ โดยฉีดยาชนิดเดียวกับภรรยาของเขา และ ในที่สุด ชายหนุ่มก็นอนข้างๆ หญิงสาวที่หลับพริ้ม เขามองเธอเป็นภาพสุดท้ายก่อนจะจากไปพบเธอในอีกโลกหนึ่ง ที่เรียกว่าความฝัน



ถึงจะเป็นเรื่องแต่งขึ้นซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นในชีวิต แต่เชื่อมั๊ยว่า
บางทีคนเรามีอะไรย่ำแย่ในชีวิต ขอแค่ได้กลับมานอนหลับฝันดีก็พอ
บางครั้งเราไม่แน่ใจในใครคนหนึ่ง แต่เมื่อรู้ตัวตนของเขา ความรู้สึกของเราอาจจะเปลี่ยนไปด้วยก็ได้

J.M. : วันนี้ตื่นเช้ามาคิดอะไรบางอย่างจนความคิดเกะกะพวกนั้นหายไป จนพบจิ๊กซอชิ้นหนึ่ง และขณะนั้นฝนก็ตกหนักจนซาในที่สุด พร้อมกับฟัง Because You LiveของJesse Mccartney จนกลายเป็นเรื่องสั้นเรื่องนี้ แต่บางครั้งเราก็ตลกตัวเอง คิดอยากแต่งนิยายทุกทีไปไม่รอดทุกครั้ง กลายเป็นว่าเราชอบเขียนแบบนี้มากกว่า และไม่เคยได้แต่งอะไรจบภายในวันเดียว 
เหมือนว่าวันนี้ จิตใต้สำนึกดิบๆ มันอยากถ่ายทอดเป็นคำพูด และมันก็ทำได้จริงๆ เพราะงั้นงานชิ้นๆ หนึ่งไม่ใช่แต่งเพราะเราออกแบบให้มันออกมาแบบที่เราคิดเป๊ะ แต่เป็นความรู้สึกของเรื่องที่จะแต่งด้วย นี่คือสิ่งที่ค้นพบระหว่างเขียนเรื่องนี้ มันอาจจะน้ำเน่าไปบ้าง และบอกได้เลยว่าแต่งจากความรู้สึกล้วนๆ 
มันดูน้ำเน่าไปนิดเนอะ ถ้าให้เอาจริงๆ จะมีใครอยากมีความสุขแบบนี้บ้าง แต่ต้องบอกก่อน ถ้าเรารู้ตัวว่าฝันแล้วมีความสุขก็อย่าลืมว่ามันเป็นเพียงความฝัน ไม่ใช่ชีวิตจริง ถ้าเราสามารถแยกการใช้ชีวิตในความเป็นจริงกับความฝันได้ อาจจะพิลึกดีผิดธรรมชาติไปนิด แต่มันก็เป็นธรรมชาติของการจินตนาการนะ^^

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

ปีใหม่มี 364 วันและวันสิ้นปีมีวันเดียว

วันที่ 31 ธ.ค.เพิ่งผ่านไปแค่1วันกลายเป็น 1 ปี ไปแล้วซะงั้น -__-* เขาถึงว่าปีใหม่มันแปปเดียวจริงๆ แค่เข็มวินาทีชี้เลข12 ในวันที่มนุษย์กำหนดวันเดือนปีว่าเป็นวันสุดท้ายของปี

จริงอยู่ที่มันเป็นปีใหม่ แต่วันสุดท้ายของปีมีแค่วันเดียว เราคิดอย่างนั้นนะ ปีใหม่จริงๆ มีแค่ 364วัน ส่วนอีก1วันคือวันสุดท้ายของปีเก่า เข็มนาฬิกาก็ยังผ่านเลข12 ไปทุกคืน ทำให้ทุกวันเป็นวันใหม่เสมอ ยกเว้น วันสุดท้าย

พอวันที่ 31มาถึง เราเพิ่งจะรู้สึก(จริงๆ) ได้ว่าปีใหม่มันมาจริงว่ะ ปีนี้ฉันทำอะไรบ้างเนี่ยๆ แต่เอาเถอะ 364 วันที่ผ่านไปก็เป็นวันเก่าๆ ได้ เพราะอะไรที่แย่ๆ ก็จะได้ผ่านไป จนบางทีเราอาจไม่ได้มองว่ามันผ่านไปในช่วงนั้น แต่เมื่อมาถึงวันสิ้นปีทีไร เราต่างเพิ่งนึกสิ่งที่ผ่านมา จนมันกลายเป็นวันเก่าๆ ไปแบบไม่รู้ตัว และก็ต้องเลือกที่จะจำบางสิ่งและลืมบางสิ่งไว้ในปีที่แล้ว

งั้นอีก 365 วันนี้ (ปีนี้มี366วัน) ใช้เวลาให้เต็มที่ ทำในสิ่งที่เป็นตัวเอง ทำตามฝันที่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นได้ แม้จะไม่ใช่ใน365วันนี้ แต่จะเป็น 365วันตลอดไปที่เราจะใช้ชีวิตให้มีค่าและมีความหมาย เพื่อวันสุดท้ายของปีเราไม่ได้มองเป็นแค่วันเก่าๆ อย่างเดียว ให้มันเป็นวันพิเศษพอๆ กับวันสิ้นปี อย่าให้มันเป็นวันธรรมดา นี่คงจะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการใช้เวลาให้คุ้มค่าทุกวินาที

เราไม่ได้หมายถึงว่ามีค่า จะมีแต่สิ่งดีๆ บางคนกำลังจะเติบโตเข้าย่าง20 เพิ่งเริ่มเผชิญโลกใหญ่เต็มกำลังก็ได้ อย่าลืมว่าความฝันกว่าจะคว้ามาได้ คงไม่ใช้เดินตามพรมแดง หากแต่ต้องเดินบนหินกรวด ด้วย อาจจะเป็นปีที่ใครๆ หลายคนต้องฝ่าฟันอะไรครั้งแรก แต่ฝ่าฟันอีกเยอะ เราไม่รู้หรอกว่า อีก 365วัน เราอาจจะไม่ได้อยู่ครบวันก้ได้ ใครจะไปรู้ (ไม่ได้แช่งนะ- -") ปีที่แล้ว(อาทิตย์ที่แล้ว) มีคนรู้จักเพิ่งเสียไป กำลังจะเตรียมตัวฉลองปีใหม่อยู่เลย เพราะงั้น เวลา ที่อยู่บนโลกมันมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด และมันจะมีค่ามากกว่าเดิมถ้าเราใช้มันอย่างคุ้มค่า ที่สุด

อย่าไปกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่าไปกลัวการเปลี่ยนแปลง จงพร้อมรับมันและปรับตัวให้เข้ากับมัน
ปีใหม่สำหรับเราคงจะเกิดอะไรเยอะกว่าเดิม

สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เรามีความฝันได้ และอยากทำมันคือ กำลังจากคนรอบข้าง อย่ามัวแต่สนเรื่องความฝัน จงเอาใจใส่คนรอบข้างด้วย!


อย่างปีที่แล้ว (เมื่อวาน55+) ตั้งแต่ดูNew year's Eve จำตัวละครIngrid ได้มั๊ย เธอลิสต์รายการที่อยากทำในวันปีใหม่ 10 รายการ ตอนนั้นกำลังห่อเหี่ยวใจ อยากทำอะไรส่งท้ายปีแย่ๆ ของเราซะหน่อย เลยลิสต์มัน10รายการ ก็มี เซอร์ไพรส์แม่ ช้อปปิ้ง(ซึ่งไม่ใช่นิสัยเราเท่าไร) กินข้าว ดูหนัง NYE (อีกละ) ตะลุยกทม. เคาน์ดาวน์หน้าคอมคนเดียว อะไรแบบนี้ว่าไป ดูธรรมดา แต่อยากให้เป็นแบบแผนเหมือนที่ทำทุกปี เป็นอะไรที่เออ ทำให้รู้ว่าเรา มันเป็นวันสิ้นปีจริงๆ นะ เว่ย ไม่ใช่วันเส็งเครง ไม่ใช่ แค่นั่งๆ นอนๆ เรียนๆ อ่านหนังสือ จดศัพท์เครียดกับการบ้าน เหมือนที่ผ่านๆ มา แต่แอบเสียดาย แถวบ้านร้านพิซซ่าไม่เปิด เลยอดทำไปรายการนึง คือฉลองพิซซ่า เคาน์ดาวน์กับครอบครัว แง่มๆ ไม่เป็นไร มันเป็นวันที่ได้ทำตามคำขอตัวเองครั้งแรก 55+ วันสิ้นปีปีนี้ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ก็โปรดติดตามชมตอนต่อไป


สรุป อย่าใช้ทุกๆ วันเป็นแค่วันธรรมดา และอย่าให้วันพิเศษกลายเป็นวันธรรมดาด้วย! (เอามาจากThaiQuote ) 

สวัสดีปีใหม่ 365วันค่ะ^^

ปล. ปีนี้เลข2555 หรือ 2012 เลขปีทำเราขนลุกนิดหน่อย- -"


Melody of My Life

ผู้ติดตาม