Lifetime Recipe

Lifetime Recipe

ก่อนจะอ่าน...

นี่เป็นบล็อคส่วนตัว สิ่งที่อยากโพสคือสิ่งที่อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ เพราะตัวเองเป็นคนลืมง่าย แม้แต่ช่วงเวลาความสุข ความประทับใจ ผิดกับความเศร้าเสียใจ ที่จำได้ง่ายเหลือเกิน แต่จะพยายามโพสแต่สิ่งที่น่าจดจำที่สุดก็แล้วกัน ...ยินดีต้อนรับสู่โลกของJulie Mค่ะ^^

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

New Year's Eve 2011

 
ขอเก็บเป็นความทรงจำส่งท้ายปีเก่าหน่อย

สำหรับเราปีนี้มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่เคยเล่นอะไรเสี่ยงดวง แล้วคิดว่าจะได้ อย่าง บัตรคอน ตั๋วหนัง ของขวัญจากใครสักคนที่เราไม่คาดคิด หรือการได้รู้จักคนใหม่ๆ จากคนละมุมโลก อาจจะดูธรรมดา แต่สำหรับเราคิดว่ามัน เออแปลกนะปีนี้ ไม่เคยได้เล่นเกมส์ชิงอะไรแล้วได้ ไม่ค่อยได้ใส่ใจคนรอบข้างมากนัก และไม่ค่อยได้คุยกับใครแล้วมีความสุข ปี 2554 เป็นปีที่พิเศษที่สุดตั้งแต่มีชีวิตมา19ปี ก็ถือว่า อยู่มาเกือบจะ20 เพิ่งจะมีปีนี้แหละที่ มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้น ทุกๆ ด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องโชคดีโชคร้ายเท่านั้น จิตใจก็สำคัญเหมือนกัน  คนเราไม่รู้กันหรอกว่า คนๆ นึงจะเจอเหตุการณ์เลวร้ายมากน้อยแค่ไหน เพียงแค่เขามองในสิ่งที่ไม่พิเศษ ไม่มีอะไรน่าสนใจ กลับทำให้ดูเป็นสิ่งมีค่าต่อจิตใจของเขา และยิ้มในสถานการณ์ที่แย่ได้ คิดว่ามันวิเศษสุดๆ แล้ว สำหรับ 364วันที่ผ่านมา

เวลานึกถึงการมาการไปของของอย่างหนึ่ง อย่างตั๋วใบนี้ จริงๆ ตอนแรกเล่นเกมส์ชิงกับเขา ไม่ได้หรอก แอบเฟลเหมือนกัน เพราะใจจริงอยากดูเรื่องนี้มาก เพราะอะไร ทำไม ก็แค่อยากมีความสุขส่งท้ายปีเก่าและที่สำคัญ ... แซคเอฟรอน กับ ลีอาเล่น ซึ่งไม่เกี่ยวกับประเด็นเท่าไร- -" พอดีเพิ่งดูValentine's Dayไปเลยรู้ว่าตัวเองชอบแนวๆ นี้แหละ พอเขาประกาศเสร็จในใจก็คิดว่า อืมเอาเถอะ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ปลงๆ แต่เขาบอกว่า เผื่อมีคนตัดสิทธิ์จะให้ที่สำรอง ก็ส่งเมลล์ไป ตอนตัดสินใจส่งอีกรอบก็คิดอีกว่า อืมไม่มีไรจะเสียนี่ ส่งๆ ไปเถอะ ไม่ได้ก็ไม่แปลกนี่หว่า ไม่คิดไรจริงๆ ปรากฏว่าอ่าว ได้ซะงั้น แทบช็อคเลยเมื่อเช้า ... บางอย่างถ้าไม่คาดหวัง มันก็มาหาเราเอง

ปีนี้สอนอะไรให้เราหลายอย่าง ให้เห็น ให้รู้สึกอะไรต่างๆ มากมาย แม้แต่เรื่องที่ยังไม่ได้เกิด หรือแม้แต่ความฝันที่เราอยากสาน เหมือนเป็นปีที่เตือนเราว่า อย่าคาดหวังอะไรให้มากนัก แต่ให่คาดหวังในสิ่งที่จะเป็นเรา เพื่อดำเนินชีวิตต่อไป อย่างมีความหมาย มองอะไรให้ชัดๆ มากขึ้น แล้วจะเจอส่วนดีของมันเอง และเราจะสามารถพร้อมรับมือกับอนาคต และคนในอนาคตด้วย

//ไร้สาระโหมด//

ที่รู้เรื่องนี้เพราะ ลีอา ที่เล่นเป็นเรเชลในGlee สาวกซีรี่มะกันจะรู้จักอย่างดี เราประทับใจแม่นางในเรื่องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พูดมาก เสียงดี น่ารักดี ตอนทวิตก็ดูเซเลบแต่อะเลิร์ทตลอด ก็เลยไปดู ตอนดูtrailer ยังไม่ค่อยใส่ใจตาZac เท่าไร บวกกับช่วงนี้ดูหนังหลายเรื่องอยู่(ก็คนมันเหงาอ่านะ) เลยไปเจอ17 again ก็แบบอยากดูหน่อยสิจะหล่อจะเล่นดียังไงแค่ไหน เห็นใครๆ ก็บอกว่าหล่อๆ ตอนนั้นเรามองว่ามันธรรมดานะสำหรับฝรั่งที่ดูหล่อ - -" ดูเรื่องนี้จบเท่านั้นแหละ บอกเลยว่า ไปแล้วตัวฉัน เฮียZacหล่อเท่น่ารัก โก่ยยยยยยยยยยยยยยยย!!! เลยจัดหนัก มีDesire อยากดูNew Year's Eveมากกว่าเดิม แต่ก็นั่นแหละ เราไม่ได้อยากอะไรมาก ต้องบอกก่อนว่า ถ้าZac ไม่มาโผล่ให้เห็นหน้านะ เราคงไม่ได้เล่นเกมส์ชิงบัตรจริงๆ- -* ในที่สุดก็ได้ เข้าไปดูนั่งกรี๊ดZacกับพี่สาว ถึงจะบวมแต่ก็ยังหล่อน่ารักฮาๆ เหมือนเดิม^^

ปล. ขอบคุณเมเจอร์ที่ให้เล่นเกมส์
ปล.2 ถ้าไม่ได้พี่สาวสวยไปด้วยคงไปดูคนเดียว เหงากว่าเดิม:)
ปล.3 ครั้งแรกที่ได้
ปล.4 สวัสดีปีใหม่ค่ะ:))))))))))))))))

J.M

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รู้สึกดีที่ดูเรื่องนี้ Twilight saga breaking dawn part 1

เพิ่งไปดูมาเมื่อวาน เป็นเรื่องแรกที่ยอมซื้อปอปคอร์น >///< 




              เราเป็นแฟน(ไม่ตัวยงเท่าไร) หนังชุด Twilight อ่านหนังสือเหมือนกัน ดูได้จากธีมบล็อคตัวเอง- -" อ่านมันเลยอ่านๆ ตั้งแต่ม.5 จนถึงตอนนี้ก็อ่าน แต่เป็นคนที่จับหนังสือนานๆ ไม่ได้ ไม่รู้ทำไม ชอบอ่านจากเว็บมากกว่า ถึงจะปวดตาไปหน่อย จนมีช่วงนึงต้องพักไป เป็นอะไรที่ ลืมไปเลยช่วงนึง เพราะต้องสอบ แกะ แพะ (ที่มันเอาอะไรมาให้ตูสอบก็ไม่รู้- -*) ปั่นป่วนช่วงนึง แล้วกลับมาดูใหม่ กับ อีคลิปส์ และก็มาภาคนี้ 


           
           ตั้งแต่ดูมา บอกตรงๆ ว่าประทับใจสุดๆ กับ ภาคนี้มาก เราหมายถึงเนื้อเรื่องนะ มันสะท้อนความต้องการเราเอามากๆ (คือช่วงนี้อยู่ตัวคนเดียว) ก็ดุๆ ไป อิจฉาเบลล่าเนอะ ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ อย่างแวมไพร์ร้อยปี เอ็ดเวิร์ด แล้วเราก็ดันชอบเอ็ดเวิร์ดอีก! ชอบนะผู้ชายที่รักษาขนบธรรมเนียม รักจริงอะไรจริง ก็นั่นแหละผู้ชายดีๆ คงมีแต่ในนิยาย โดยเฉพาะแวมไพร์ก็มีแต่ในนิยาย!-*- 


             
            สังเกตว่าแต่ละภาค จะให้ธีม ความรู้สึกที่ต่างกัน แต่ละภาคจะเน้นไม่เหมือนกัน อย่างภาคแรก เน้นโรแมนติกแบบวัยรุ่นๆ และทำให้ดูตื่นเต้นเพราะตัวตนของพระเอก นางเอกสนใจและค้นหาตัวตนของเขา ภาคนิวมูน จะดราม่านิดหน่อย เป็นภาคที่หลายคนมองว่า เบลล่า  เธอนอกใจเอ็ดเวิร์ด! เลยพากันรุมทึ้ง55+ เป็นภาคที่กำเนิดหมาป่าด้วย กลายเป็นรักสามเศร้าเพิ่งจะเริ่มต้น พอเข้ามาภาคสาม อีคลิปส์ จะบอกว่ามันส์มาก เป็นคนชอบดูแอคชั่นด้วยอ่านะ ดูแล้วไม่ผิดหวัง แถมโดนตรงรักสามเศร้า ลึกๆ ก็อิจฉาเบลล่าอีกละ55+ สงสารเจคอบสุดๆ อกหักรักแรก ภาคนี้เป็นภาคที่สนุกที่สุด แต่มาถึงภาคล่าสุด เบรคกิ้งดอว์น เป็นภาคที่สะท้อนอะไรหลายอย่าง แบบที่บอกไป สะท้อนถึงความฝันของหญิงสาว ที่อยากแต่งงานและมีชีวิตแบบเบลล่า แต่มาถึงจุดหักมุมตอนเบลล่าท้อง เบลล่าเป็นผู้หญิงที่แกร่งมากจุดนี้ เธอทำหน้าที่เป็นแม่ได้ดีมาก เป็นการสะท้อนในอีกมุม ในฐานะผู้หญิงว่า การท้องนั้นทรมานแค่ไหน โดยเฉพาะท้องกับแวมไพร์55 แถมมีเรื่องกฏของหมาป่ากับแวมไพร์เข้ามาเกี่ยวด้วย เจคอบที่ไม่ยอมให้ใครฆ่าเบลล่า แต่จนแล้วจนรอด กลายเป็นว่าไปผูกจิตกับลูกเบลล่าซะงั้น (ไม่ตกใจหรอกที่มันต้องผูกจิต ) แต่ที่ไม่คิดคือ หมาป่าเข่าอ่อน! 555+ ได้ใจ คงไม่มีใครคิดหรอกมั้งว่าเนื้อคู่ตัวเองจะเด็กมากขนาดนี้ 55+ ดูจะประหลาดหน่อยๆ 


           ประทับใจหลายอย่าง ถึงตัวหนังมันจะไม่ได้ตามนิยาย แต่ถ้าพูดถึงการลำดับฉาก มุมกล้อง ความพอเหมาะ ความยืดเยื้อ ถือว่า กำลังดี นะ คือบางทีในสายตาคนอื่นอาจจะมองว่าบางจุดเล็กๆ ของเรื่องยืดเกินไป บางจุดที่สำคัญอาจจะน้อยเกินไป แต่สำหรับเรามองว่าจุดบางจุดในฉากเขาทำมาให้คนดู 'ส่วนใหญ่' อินและตราตรึง เพราะถ้าเขาทำตามในนิยายหมด มันก็ไม่ใช่เวอร์ชั่นภาพยนตร์ เอาจริงๆ เราอ่านหนังสือ อารมณ์มันแตกต่างกับในหนังเลย ในหนังสือเบลล่าก็บรรยายให้อารมณ์ในมุมเดียว กับภาพยนตร์ เล่าแบบกลางๆ เลย ว่าใครทำอะไร รู้สึกยังไง ก็มันเป็นภาพนี่เนอะ ได้อารมณ์กว่าเยอะ  และที่ประทับใจอีกอย่างคือเพลงประกอบค่ะ โดยเฉพาะเพลง It will rain ของ Bruno Mars กับ flightless bird, American Mouth ของ Iron and wine ถือว่าเข้ากับเรื่องได้ดีมาก ก็นะ ผู้กำกับเรื่องนี้ เขาถนัดละครเพลงอยู่แล้ว สังเกตได้ว่า ใส่เพลงเกือบทั้งเรื่อง            แต่ก็อย่างว่า เขาก็ตัดๆ ฉากอันละเอียดยิบของสเตฟานนี่ไป บางฉากก็ไม่ได้เรียงไปตามหนังสือ แบบนี้แหละ เหมือนกับแฮรี่

เนื้อเรื่องที่ถูกเล่าออกมาในมุมของสเตฟานนี้ เป็นอะไรที่ดูธรรมดา แต่ได้ใจนะ เพราะอะไร มาดูกัน

                  นิยายเรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติกข้ามเผ่าพันธ์ ที่โดนใจเด็กสาวที่กำลังอยากมีความรัก และกำกับไว้ว่า เป็นความรักชั่วนิรันดร์  ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็วาดฝันไว้ว่า อยากอยู่ด้วยกัน ตลอดไป ไม่มีวันตาย ถ่ายทอดผ่านแวมไพร์อมตะ เป็นนิยายที่สะท้อนความอยากลึกๆ ของสาวๆ ทุกคน ถึงชีวิตจริงจะอยู่กันยืดยาวไม่ได้ ผิดกับความเป็นจริง    สเตฟานนี่จึงใช้ไอเดียธรรมดาๆ แบบนี้ ทำให้แดรกคิวล่า หรือแวมไพร์แบบสมัยก่อนที่ดูดุและน่ากลัว ชอบดูดเลือดคน แพ้กระเทียม ต้องฆ่าให้ตายด้วยการแทงไม้ที่หัวใจ ถูกแสงแดดไม่ได้ มาทำให้กลายแวมไพร์ยุคศตวรรษที่ 21 อารมณ์แบบขาวซีดแต่หล่อมาก! คู่กับหญิงสาวที่เป็นมนุษย์ กลายเป็นนิยายรักอีกแบบหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะยังมีอีกอยู่บนโลก- -" (เวอร์) ก็นะ ปกติ เราก็เคยดูหนังประเภท คนธรรมดารักกับเหนือมนุษย์ อย่างหนังซูปเปอร์ฮีโร่อะไรแบบนี้ แต่นี่มันเน้นว่าเผ่าพันธ์ มีหมาป่ามาแจมเป็นมือที่สาม ทำให้เนื้อเรื่องเข้มข้นมากกว่าที่ควรจะเป็น! อาจจะเรียกได้ว่า สเตฟานนี่ สานฝันของหญิงสาวเลยก็ว่าได้นะ เราคนหนึ่งล่ะ^^

เป็นเรื่องแรกที่ยอมซื้อปอปคอร์นเพื่อสิ่งนี้>_<

               สำหรับการจินตนาการของสเตฟานนี่ ถือว่าจินตนาการเป็นเรื่องเป็นราวชวนให้ติดตามดีค่ะ  แม้สาระสำคัญที่ได้จากเรื่องนี้น้อยกว่าก็ตาม บางทีเราอ่านเพราะมันสนุก แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง เขาก็สะท้อนให้เห็นชีวิตความต้องการวัยรุ่นกับแวมไพร์ที่หัวโบราณ มันดีนะเรื่องการแต่งงานก่อนชิงสุก เป็นเรื่องที่ ถ้าในสังคมอเมริกันจะหาได้น้อยนักที่ทำตามขนบธรรมเนียมอะไรแบบนี้ มันทำให้เรื่องนี้ ทั้งโรแมนติกแล้ว ยังเป็นความรักบริสุทธิ์อีกด้วย 


       เป็นอีกเรื่องที่ตอบโจทย์คนดูส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิงที่ฝันอยากมีความรัก การแต่งงานเหมือนในหนัง และเป็นอีกเรื่องที่เราดูแล้วตราตรึงใจ เพราะมันตอบโจทย์เราในสภาวะนี้ได้ดีที่สุด กลายเป็นหนังในความทรงจำเราอีกเรื่อง รองจาก titanic ถ้าเป็นในประเภทเดียวกัน

ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าได้ดูกับใครสักคน เป็นคนที่เรารักคงจะดีไม่ใช่น้อย


ปล. ตอนนี้ใจไปแล้ว แบบว่าชอบมากเกินบรรยาย อยากเล่ามากกว่านี้นะ แต่แลดูจะยืดเยื้อไอเราก็เขียนวกไปวนมาอีกด้วย จะงงเปล่าๆ- -" 


J.M.

[Review] City Hunter ซีตี้ ฮันเตอร์ (2011)

กลับมาแล้วกับการรีวิว (ตามความรู้สึกจากการดู) ของ J.M. ต้องบอกไว้ก่อนว่า เรื่องนี้ดูจบมาเดือนกว่าแล้ว ชั่งใจ(นานมาก)ว่าจะรีวิวยังไงอะไรดีน้า ตอนที่กำลังดูเรื่องนี้อยู่ ใจแบบว่าอยากรีวิวเดี๋ยวนั้นๆ แต่ยังดุไม่จบ พอดูจบแล้ว ไม่ค่อยอยากรีวิว เท่าไร แต่เห็นว่า ช่องในประเทศไทยกำลังจ่อคิวฉาย ก็เลยมารีวิวเลยละกัน 



                  อย่างแรกที่จะกล่าวคือ ส่วนตัวคือไม่เคยดูซีรี่แนวแอคชั่นโรแมนซ์ค่ะ นี่เป็นครั้งแรก ถ้าเป็นพวกIris East of Eden เอาจริงๆไม่ใช่แนวตัวเองเลย- -* ที่ดูไม่ใช่อะไรอีก เห็นว่ามินยองเล่นกับลีมินโฮ (ส่วนตัวปลื้มมินยองในSKKS ส่วนลีมินโฮก็อยากลองติดตามผลงานอีกเรื่อง ขอนอกเรื่องแปป เรื่องF4อ่า ลีมินโฮแสดงดีนะ แต่บทไม่ค่อยส่งเท่าไร- -" ว่างๆ จะรีวิวเรื่องนี้พร้อมกับเวอร์ชั่นไต้หวันกับญี่ปุ่นนะคะ แล้วก็เวอร์ชั่นแอนิเมด้วย) บวกกับเนื้อเรื่อง ได้ข่าวว่าเป็นแฟนกันในชีวิตจริงด้วย อ้าว! 55+

                 บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ เรื่องนี้สร้างจากการ์ตูนชื่อดังจากญี่ปุ่น (เราก็ไม่เคยอ่านหรอกนะ ไม่รู้จักด้วยเห็นพี่บอกรู้จัก สงสัยเกิดไม่ทันหรืออะไร) และทำเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ แสดงโดยน้าเฉินหลงด้วย แต่ก็นั่นอีกไม่เคยดูหนังของเขา เลยจะกล่าวใน ณ ที่นี้อีกว่า เราไม่เคยอ่านหรือดูเรื่องนี้มาก่อน เพราะฉะนั้น เราไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่า เวอร์ชั่นไหน ดี ไม่ดีและการวิจารณ์ต่อไปนี้จะยึดCity Hunter เวอร์ชั่นซีรี่ย์เป็นหลักในการวิจารณ์รอบนี้น้า

                 อย่างไรก็ตาม J.M. ลองไปแง้มดูมาแล้วค่ะ + ถามญาติที่รู้จักเรื่องนี้ เขาบอกว่า เวอร์ชั่นซีรี่ย์ต่างจากการ์ตูน แทบจะจำเนื้อเรื่องจริงๆ ไม่ได้  และเราเองก็ลองไปอ่านมา ถ้าใครเป็นแฟนพันธ์แท้เรื่องนี้ ขอบอกไว้ก่อนว่าเวอร์ชั่นซีรี่ย์อาจจะทำให้คุณผิดหวัง    เหมือนที่บอกไว้ข้างต้น อย่างซีรี่ย์F4เวอร์ชั่นไต้หวันจะผิดแผกไปจากเวอร์ชั่นเดิม คนที่เป็นแฟนๆ รักใสๆ คงจะชอบ แต่คนที่เป็นแฟนๆ โดเมียวจิอาจจะไม่ชอบก็ได้ อันนี้หยิบยกขึ้นมาเปรียบเทียบให้ฟังนะคะ

ตัวละคร(ซ้ายไปขวา) จินเซฮี (ฮวังซอนฮี) คิมยองจู (ลีจุนฮยอก) คิมนาน (พัคมินยอง) ลียุนซอง/ภูชัย (ลีมินโฮ) ชเวดาฮเย (คูฮารา)


               เกริ่นก่อน เรื่องนี้ ออกแนวโรบินฮูด+สไปเดอร์แมน แต่จะเป็นผู้ไม่ประสงค์จะออกนามในสังคมตามจับนักการเมืองชั่วที่เอาเปรียบประชาชน 55+ อะไรแบบนี้ มันเหมือนโรบินฮู้ดที่ว่า เป็นองค์กรอิสระ นอกกฎหมาย ช่วยประชาชนตกทุกข์ได้ยาก กับ สไปเดอร์แมนด์ตรงที่ตอนเป็นแมงมุมไม่สามารถเปิดเผยตัวตนกับคนรักได้ 
              มันต่างกันตรงที่ ลียุนซองไม่ใช่ฮีโร่ แต่เป็นเครื่องมือของใครบางคนที่เรียกตัวเองว่า "พ่อ"




                ถ้าให้เทียบกับเรื่องอื่นที่อยู่ในประเภทเดียวกัน คิดว่าเรื่องนี้น่าจะต่างจากกันหน่อยคือ  ... มันไม่เน้นเรื่ององค์กรมากนักและก็ไม่ตึงเกินไปเพราะมีเรื่องโรแมนซ์เข้ามาแทรก บางตอนดูแล้วก็ขำๆ น่ารักๆ ไปกับพระนางได้ด้วย ทำให้ตอนดูไม่รู้สึกเครียดปวดหัวจนเกินไป แถมออกจะลุ้นด้วยซ้ำ แค่ช่วงแรกๆ- -;

                อย่างที่ว่าไป มันแนวแอคชั่นโรแมนซ์ +ฮาๆ  ตอนแรกเรื่องนี้เปิดมาก็อลังการมากค่ะ เล่าจุดเริ่มต้นของความแค้นของพ่อเลี้ยงพระเอก ชื่อ ลีจินพโย มันก็เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือที่มาลอบวาง  ระเบิดประธานาธิบดีที่พม่า ผู้ใหญ่เลยจัดการส่งหน่วยรบพิเศษที่เชี่ยวชาญแผนที่เมืองเปียงยาง(เกาหลีเหนือ)ไปลอบฆ่าคนฝั่งนู้น แต่พวกผู้ใหญ่ที่เป็นผู้บังคับบัญชา 5 คนที่เป็นคนส่งหน่วยรบนี้ไปกลับตัดสินใจให้ฆ่าปิดปากหน่วยรบพวกนั้นเพราะหนึ่ง ประธานาธิบดีไม่อนุมัติ สอง ถ้าเรื่องนี้แพร่งพายออกไปคงส่งผลไม่ดีต่อประเทศ จึงส่งคนไปฆ่าหน่วยรบ21คน 1 ในนั้นคือพ่อพระเอก(ปาร์คมูยอล)โดนยิงและเพื่อนพ่อพระเอก(ลีจินพโย)รอดเพราะมูยอลช่วยไว้ ลีจินพโยจึงเกิดความแค้นอยากล้างแค้นให้กับทหารอีก20นาย เขาจึงส่งคำขู่ให้กับรุ่นพี่ที่ส่งพวกเขาไป คือ ชเวอึงชาน และตอนนั้นพระเอกเกิดพอดี ลีจินพโยเลยขโมยเด็กหลบไปในแดนสามเหลี่ยมทองคำ พระเอกจึงมีชื่อไทย ว่า "ภูชัย" เขาพร่ำสอนภูชัยให้เก่งศิลปะการต่อสู้ และรู้จักใช้อุปกรณ์ทุกชนิด ตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ระหว่างนั้นก็ได้ช่วยลุงมันด๊อค และ ลุงแกก็ให้ภูชัยดูรูปนานา(นางเอก) เลยรู้สึกชอบและอยากตามหา แต่เมื่อเจอเหตุการณ์ ที่ภูชัยต้องเสียแม่(คนไทย)ไป แถมพ่อ*ช่วยชีวิตภูชัยที่โดนติดกักระเบิด ขาเลยพิการ  และรู้ความจริงเกี่ยวกับพ่อแท้ๆ(ปาร์คมูยอล) ถึงคิดได้ว่าควรทำยังไงต่อไปกับชีวิต  เขาจึงไปเรียนต่อที่อเมริกา กลับมาเข้าทำงานเป็นสายลับให้กับ(คนที่อ้างตัวเป็น)พ่อ เข้าไปในทำเนียบ บลูเฮ้าส์ (ทำเนียบรัฐบาลเกาหลีใต้)


                         
          ภารกิจของภูชัย(ขอเรียกแบบนี้นะคะ)ที่วางไว้คือต้องตามหา 5 คนที่ฆ่าพ่อแท้ๆ และหน่วยรบพิเศษเมื่อปี 1983 ภารกิจแต่ละชิ้น ก็คือโครงเรื่องที่นำไปสู่ตอนจบที่ไม่คาดคิด(-*-) คนเขียนขี้เกียจเล่าแต่ละภารกิจ แต่จะให้เน้นภารกิจที่3 เป็นต้นไปนะคะ เรื่องราวจะชวนซับซ้อนมากยิ่งขึ้นค่ะ เพราะช่วงหลังๆ ปมทุกปมที่ไม่ได้สงสัยมาตั้งแต่แรกจะถูกกระเทาะออกทีละชิ้น 


ตอนฝึกยูโดในทำเนียบ นานาเป็นครูฝึกประจำตัว ดร.ลี


                มาเรื่องตัวละครบ้าง พระเอกก็อย่างที่เล่าไปข้างต้น พอมาถึงเกาหลีปลอมตัวเข้าทำงานให้กับทำเนียบ บลูเฮาส์ เป็นคนฉลาดไหวพริบสุดยอดมาก และก็ชิวมากด้วย ทำอะไรก็เป็นไปอย่างระมัดระวัง เป็นปลาไหลที่จับยาก พอมาเจอนางเอก คิมนานา ผู้หญิงในภาพที่ภูชัยเคยเพ้อถึง เป็นผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรีของตัวเองมากก็เกิดเรื่องน่ารักๆ โรแมนซ์ๆ ตามเคย เธอทำงานเป็นบอดี้การ์ดประจำทำเนียบ พ่อแม่ของนานาประสบอุบัติเหตุ แม่เสีย พ่อเป็นเจ้าชายนิทรานอนอยู่ที่รพ.เธอจึงอยู่ตัวคนเดียวและน่าสงสารเพราะต้องเลี้ยงตัวเองและทำเงินหาส่งค่ารักษาตัวของพ่อมาเป็นเวลา10 ปีแล้ว เรื่องราวของนางเอกจะมีความเกี่ยวข้องกับภารกิจที่3ของพระเอก ในขณะเดียวกัน พระรองก็เกี่ยวด้วย ชื่อ คิมยองจู  เป็นอัยการประจำกรุงโซล เป็นคนดูแลคดีซีตี้ฮันเตอร์ และเป็นคนที่ได้รับข้อความจากซีตี้ฮันเตอร์โดยตรง อัยการคิมเป็นคนที่มุ่งแต่งานอย่างเดียว และมีความมานะที่จะตามจับซีตี้ฮันเตอร์ด้วย จึงกลายเป็นคนแรกๆ ที่รู้ความจริงเกี่ยวกับพระเอกพร้อมๆ กับคิมนานา และมีความเกี่ยวข้องกับภารกิจที่3ของยุนซองด้วยอีกต่างหาก อีกอย่างนางรองเรื่องนี้ เซฮี เป็นสัตวแพทย์ อดีตภรรยาของอัยการคิม  เป็นคนช่วยชีวิต ยุนซอง เธอเป็นคนที่มีไหวพริบ สังเกตได้ตอนช่วยซีตี้ฮันเตอร์ เธอไม่ถามแต่เธอรู้ว่าเป็นยุนซอง โดยรวมแล้วอัยการคิมกับเซฮียังคงรักกันอยู่ดี แต่หย่ากันเพราะยองจูสนแต่งาน สรุปคือ ไม่มีใครแย่งคนรักของใครเพราะต่างคนคนรักอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงไม่มีเรื่องชู้สาวเกิดขึ้น(ตอนแรกก็ไม่อยากเชื่อหรอก- -*) นอกจากนี้จะขาดไม่ได้คือพ่อเลี้ยง ลีจินพโย แม้ว่าพ่อลูกจะมีเป้าหมายต่างกัน แต่ก็คงเป็นคนที่อยากแก้แค้นเองมากกว่า และเป็นคนทำให้ยุนซองมีชีวิตที่ยุ่งเหยิง ซึ่งตอนจบจะเฉลยให้รู้เอง ยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่เป็นสำคัญๆ  เปรียบเหมือนตัวใบ้ออกมาแต่ยากที่จะคาดเดา พอมารู้อีกทีก็ตอนจบ เน้นๆ เลย ตอนจบ ไม่สิตอนก่อนจบ ช็อคเลย- -* ห้ามพลาด สำคัญๆ ดอกจันเยอะๆ


ภารกิจแรกเริ่มขึ้นแล้ว!

ฉากนี้ อาจจะเป็นความประสงค์ของพระเอกลึกๆ 55+ 

มื่อนานารู้ตัวตนของภูชัย


                การผูกเรื่องดำเนินเรื่อง เสียดายมาตกม้าตายเอาตอนจบ คือไงอ่า เริ่มมาดีมากๆ เลยช่วงครึ่งแรก พอครึ่งหลัง เนื้อเรื่องมันพอเดาตอนจบได้อ่า คือทุกอย่างถูกเฉลยออกมา คนดูอย่างเราก็เข้าใจว่ามันควรเฉลย แต่มันเฉลยเอาดื้อๆ - -" แถมยืดเยื้ออีกต่างหาก ส่วนมากจะเป็นความจริงเกี่ยวกับพระเอกมากกว่าจะเป็นเรื่องทั้งหมด แลดูไม่ครอบคลุมถึงตัวละครอื่นๆ  ด้วย กลายเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้เน้นโรแมนซ์เลยสักนิด โดยเฉพาะช่วง3-4ตอนสุดท้าย แต่จะบอกว่าทุกตอนทำฉากอลังการดีค่ะ ดำเนินเรื่องได้ดี แต่มาติดกับตอนจบเจริงๆ เขาเรียกว่าจบไม่เสร็จ  ไม่ได้พูดถึงตัวละครที่ยังค้างคาอยู่อย่างพ่อที่แท้จริงของพระเอก* ถ้าจะทำแบบนี้อยากให้มีซีซั่นสองนะคะ จบไม่เสร็จแบบนี้ 55+ มันยังมีตัวละครลอยนวลอยู่นะเออ หึหึ แต่บอกตามตรงชัดๆ นะคะ ว่าคนเขียนไม่พอใจกับตอนจบจริงๆ เหมือนมันทำเรื่องยืดไปจนตอนจบสั้นไปนิด(หมายถึงดำเนินเรื่องนะ) ไม่งั้นก็เพิ่มอีก2 ตอนก็ได้อะไรแบบนี้ - -"

        
ลุงมันด๊อคเป็นคนฝากฝังนานาให้กับภูชัย โดยที่ไม่บอกว่าลุงกับเธอเป็นอะไรกัน

ภูชัยคอยเป็นบอดี้การ์ดห่างๆ ให้นานา
       
                บทพูดเรื่องนี้ ก็ซ่อนเร้นอะไรเยอะแยะเลยค่ะ บางทีเด็กดูอาจจะไม่เข้าใจก็ได้ เขาถึงมาร์คไว้ให้คนอายุ15ขึ้นไปดู ส่วนมากจะเป็นบทพูดที่วิเคราะห์สถานการณ์โดยตัวละครมากกว่าจะเป็นบทพูดสวยหรู ถือว่าดีค่ะ เพราะบางทีเราดูซีรี่รักๆ มาเกินไป มาดูแนวนี้บ้างก็ดี คือ นางเอก กับพระเอกไม่เรื่องมากดี 

                มาพูดถึงฉากแอคชั่นบ้าง ลีมินโฮทำการบ้านมาดีค่ะ (สำหรับเรานะ)บทนี้เหมาะกับลีมินโฮ หน้าตาดีแล้วหุ่นดีสูงโปร่ง บทบาทการพูดดีค่ะ ยกเว้นตอนที่มันพูดภาษาไทย (คนเขียนล่ะขำท้องแข็ง ฟังแล้วปวดตับ กรุฟังไม่ออกต้องมาอ่านซับแทน 555+) มินยองเล่นได้น่ารักมั่ก >///< เค้าชอบๆ ดูเรื่องนี้ปลื้มชีมากกว่าเดิม ส่วนพระรองลีจุนฮยอก ให้ใจไปเลยชอบอ่า เห็นเล่นเรื่อง สวนลับด้วย ^^ ในบทอัยการ เล่นถึงบทบาทดี ไม่รู้จะให้กี่ดาวดี โดยเฉพาะตอนพูดภาษาอังกฤษอ่า เท่ชะมัด พูดคล่องพอตัว ส่วนดาราผู้ใหญ่ก็แสดงดีตามมาตรฐานอยู่แล้ว ฮ่าๆ แม้เรื่องจะดูน่าเบื่อตอนหลังๆ แต่นักแสดงฝีมือเฉียบดีค่ะ ดูแล้วไม่เบื่อ ไม่รู้สึกขัดใจด้วย ตัวละครอีกตัวที่ชอบคือลุงมันด๊อคอ่า ถ้าไม่มีลุงนะเรื่องจะยิ่งโคตรเครียดเลย- -"

             
  


สังเกตสีภาพเอานะคะ:)

                อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำไมเราอยากดูเรื่องนี้ นอกจากพระนางซีรี่ย์แล้ว ก็เพราะกล้องที่ใช้ถ่ายเรื่องนี้ค่ะ City Hunter ใช้กล้องพิเศษแบบใหม่ค่ะ กล้องที่ว่านี้คือใช้ฟิล์มหนังถ่าย เรียกว่าเป็นเรื่องแรกของซีรี่เกาหลีเลยนะคะที่ใช้ เพราะซีรี่อเมริกาก็ใช้ฟิล์มหนังแบบเดียวกับเรื่องนี้เหมือนกัน อารมณ์ดูเหมือนดูหนังไปในตัวเลยค่ะ แลดูพัฒนาไปเยอะเลย:) ประกอบกับมุมกล้องที่ถ่าย ต้องยกความดีความชอบให้กับผกก.เรื่องนี้นะคะ ดูแล้วน่าตื่นเต้นดีเน้นแต่ฉากแอคชั่นนะคะ แต่ถ้าเป็นฉากทั่วไปก็ถ่ายเหมือนกล้องธรรมดา  ถ้าซีรี่ทุกเรื่องใช้ฟิล์มหนังถ่ายคงจะสนุกมิใช่น้อย โดยเฉพาะซีรี่แนวแอคชั่นหรือแนวสืบสวน เป็นต้น

                มาถึงโลเคชั่นที่ถ่ายนะคะ เรื่องนี้ก็เปรียบเหมือนโปรเจคใหญ่เหมือนกัน อย่างที่บอกไปในรีวิว Miss Ripley ถ้าเรื่องไหนทุนสร้างเยอะ โลเคชั่นจะดูดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก บ้านยุนซอง บ้านนานา ที่ถ่ายทำ + กล้องถ่ายแบบพิเศษ ทุกอย่างดูดีจริงๆ จากที่ดูซีรี่ย์มาหลายเรื่อง ยังคิดอยู่ว่าถ้าสวนลับจะถ่ายแบบใช้กล้องแบบนี้บ้างจะเป็นไง55 สรุปคือ โลเคชั่นสวยเพราะกล้อง 555+ มันก็จริงนี่เนอะ!


ชอบโลเคชั่นนี้อ่า อยากไปเดินแถวนั้นบ้าง เขาทำเก๋ดี เป็นทางเดินเล่นสีขาว ไว้ชมวิวข้างถนน


                แฟชั่นของดร.ลียุนซอง เป็นไรที่มีสไตล์เอามากๆ ของแต่ละอย่างก็แสนแพง! ไม่ซ้ำเลยกับตอนแต่งเป็นซีติ้ฮันเตอร์มีอย่างเดียวที่เป็นเอกลักษณ์คือ หน้ากากดำ และหมวกดำบางที ชอบอ่า มันเป็นสัญลักษณ์ซีตี้ฮันเตอร์ไปเลย ตอนนี้ใครใส่คงจะดูเท่+สงสัยว่าเป็นนักล่าเมืองใหญ่ไปด้วย55



              ถ้าใครดูแล้ว(เริ่มติดคำนี้แล้ว- -)คุณคงจะรู้ว่ามันฮาตรงไหน เรื่องนี้มาถ่ายทำที่ไทย คนเขียนจะบอกว่าฮามากที่มันคุยกันคนละภาษาเข้าใจ ไหนจะแม่ภูชัยอีก 55+ มันตลกขำๆ ดี แถมตอนที่ภูชัยเรียกแม่มันอ่า ตอนลีมินโฮพูดไทยบ้าง มันฮาซับมากกว่า ใครเรียกแม่ว่า เมืองสุริน ฟะ  แล้วก็ฉากแอคชั่นดราม่าในไทยก็ดีพอสมควรค่ะ ตอนที่พ่อเลี้ยงช่วยภูชัย บางครั้งก็แอบมีความรู้สึกว่าดูละครไทยอยู่นะเนี่ยมีแต่ชื่อไทย55+


พระนางแลดูไม่เรื่องมากอ่า โดยเฉพาะคิมนานา


                สิ่งที่พบบ่อยในเรื่องคือ ไอโฟน คนที่ดูคงต้องสบถเหมือนเรา ว่า เรื่องนี้แม่มมีโทรศัพท์อยู่ยี่ห้อเดียว55+ แลดูโหลมากก๊ากกก เรื่องอื่นก็เหมือนกันน่ะแหละ- -*

         
       มาพูดถึงจุดจับผิดบ้าง จะยกเอามาจากย่อหน้าที่ผ่านมา และเมื่อกี้เพิ่งนึกได้ด้วย
               
                ข้อแรกที่จับผิดได้คือ ไอแพดที่ยุนซองใช้ตอนเรียนที่เมืองไทย สังเกตไหมคะ และในเรื่องบอกว่าตอนนั้น เขาอายุ17 เกิดในปี1983 ตอนนั้นก็ปี2000แล้วสิ งงล่ะสิ ปี2000 มีไอแพดแล้วเหรอ-..- หึหึ สองคือ อัยการไม่ติดใจสงสัยนานาเลย และไม่เคยเอานานามาเป็นหัวข้อจับผิดยุนซองด้วย สามคือ สมุนของชองแจมัน โดนจับไปแล้วไงต่อ นี่แหละที่ยังลอยนวลอยู่ จริงๆ มันก็เคีลยร์ไปแล้วนะ แต่จำได้ว่ามันบอกว่ามันจะฆ่าหัวหน้ามันเอง แต่ก็หายไปเลยไม่พูดถึงเลย นี่แหละเลยอยากให้มีซีซั่นสอง ยังไงไม่รู้ฮ่าาาา



                สุดท้าย เพลงประกอบเรื่องนี้ ไม่รู้ทำไม เพลงไม่เพราะเข้าหูเราเลย- -* แต่ก็มีอยู่เพลงเดียวที่ชอบ สรุปเรื่องนี้เพลงประกอบไม่ค่อยเด่นเท่าไร :)

임재범 Lim Jae Beom – 사랑 (Sarang/Love)

Love, because of that love

ความรัก .. เป็นเพราะความรักนั่น

Because of that person

เป็นเพราะคนๆ นั้น

I’ve survived this long
ฉันจึงมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ได้
Today, today has past

วันนี้ วันนี้มันหำลังจะผ่านไป

If I can’t see that person again
ถ้าหากฉันไม่ได้เจอคนๆ นั้นอีก



If I can’t see that person again what will I do?
ถ้าหากฉันไม่สามารถเจอคนๆ นั้นได้อีก ฉันต้องทำยังไงต่อไป
Of all the threads of fate why did we meet
เราสองคนเจอกันเพราะโชคชะตาสั่งมา
For us to love only for you to leave me first

สำหรับเรา สิ่งที่ฉันทำได้คือ การรักเธอ แต่สำหรับเธอคือการจากไปจากฉัน

The time we had and the time we spent together

ช่วงเวลาที่เราเคยมี เคยใช้ด้วยกัน

I will never forget
ฉันจะไม่ลืมเลย

Saying I would be by your side

ฉันเคยบอกว่า ฉันจะอยู่ข้างๆ เธอ

The promise I protected with my life

คำสัญญาที่ฉันจะปกป้องด้วยชีวิต

Because I couldn’t, because I couldn’t keep my promise

แต่เป็นเพราะฉันรักษามันไว้ไม่ได้

I don’t think I can even say I’m sorry
ฉันไม่ได้แม้แต่จะสามารถขอโทษได้เลย

Love, because of that love

ความรัก .. เป็นเพราะความรักนั่น

Because of that person

เป็นเพราะคนๆ นั้น

I’ve survived this long
ฉันจึงมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ได้

Before you leave for that far away place

ก่อนที่เธอจะจากไปไกล

If I could look at your face for a little longer

ถ้าหากฉันจะขอเห็นหน้าเธอสักชั่ววินาที

I would say I loved you
ฉันคงจะบอกรักเธอ



Love, because of that love

ความรัก .. เป็นเพราะความรักนั่น
Because of that person

เป็นเพราะคนๆ นั้น
Because of that person, I cry

เป็นเพราะคนๆ นั้น ฉันถึงร้องไห้

You only know

เธอเป็นคนเดียวที่รู้


This love was never foolish
ว่า รักนี้ไม่ใช่ความโง่เขลา
This love was never foolish, My Love.



ว่า รักนี้ไม่ใช่ความโง่เขลาเลย ที่รัก

.  .  .

사랑  사랑 때문에
 사람 때문에
내가 지금껏 살아서

오늘 오늘이 지나서
 사람 다시 볼수 없게되면
다시   없게되면 어쩌죠

 많은 인연에  하필 우리 만나서
사랑하고 그대 먼저 떠나요
우리가 만들고 우리가 함께한 시절
잊진 못할거야

 곁에서 함께 하잖말도
 목숨처럼   약속도
해줄  없어서  지킬  없어서
미안하단 말도 해줄  없을  같다

사랑  사랑 때문에
 사람 때문에
내가 지금껏 살아서

오늘 오늘이 지나서
 사람 다신 볼수 없게되면
다시   없게되면 어쩌죠

 곁에서 함께 하잖말도
 목숨처럼   약속도

해줄  없어서  지킬  없어서
미안하단 말도 해줄  없을것 같다

사랑  사랑 때문에
 사람 때문에
내가 지금껏 살아서

오늘 오늘이 지나서
 사람 다신 볼수 없게되면
다시 볼수 없게 되면 그때

그대가 멀리 떠나기 전에
조금  그댈 마주보며
사랑을 말할 

그대  사랑 때문에
 사람 때문에
 사랑 때문에 울죠

그대만 알아요
 사랑 결코 바보같지 않아
결코 바보 같지 않아 그대여



ตัวอักษรเกาหลี Romanization.wordpress.com
แปลอังกฤษ: generickorean.wordpress.com
แปลไทย uknowell.blogspot.com




                จากใจคนเขียน เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องนึงที่จะได้เห็นอะไรใหม่ๆ ของซีรี่ยุคใหม่ค่ะ ส่วนตัวชอบนะ แต่บางอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ อย่างที่บอกอ่าค่ะ ตกม้าตายเอาตอนจบ จบแบบส่งๆ - -* แต่กลับประทับใจ ตัวละครมากกว่าโดยเฉพาะพระรอง ฮือออ ไม่น่าเลยTT^TT โคตรสงสารอ่า!!  และการดำเนินท้องเรื่องที่มันส์สะเด็ด

                สรุปเรื่องนี้เน้นแต่พระเอกนะคะ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นแนวโรแมนซ์เกินไปๆ เผื่อใจไว้ด้วยละกันๆ ถึงจะผิดหวังเล็กๆ ก็ตาม

ต่อไปก็จะเป็นรูปภาพประกอบเรื่องค่ะ:)

























  







   

  


  








  

  
  









  

เวอร์ชั่นการ์ตูน











ขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก wikidrama

J.M.

Melody of My Life

ผู้ติดตาม