Lifetime Recipe

Lifetime Recipe

ก่อนจะอ่าน...

นี่เป็นบล็อคส่วนตัว สิ่งที่อยากโพสคือสิ่งที่อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ เพราะตัวเองเป็นคนลืมง่าย แม้แต่ช่วงเวลาความสุข ความประทับใจ ผิดกับความเศร้าเสียใจ ที่จำได้ง่ายเหลือเกิน แต่จะพยายามโพสแต่สิ่งที่น่าจดจำที่สุดก็แล้วกัน ...ยินดีต้อนรับสู่โลกของJulie Mค่ะ^^

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

[เรื่องสั้น] สายฝน สายลม


เสียงแตรกำลังถูกบีบโดยคนขับรถประจำทางสายหนึ่งอยู่หลายครั้ง ผู้โดยสารต่างยืนกันเบียดแน่นแย่งพื้นที่ยืน ถ้าไม่นับที่นั่งเต็มแล้วล่ะก็ รถคันนี้อาจจะได้กลายเป็นกระป๋องอัดปลาทูเป็นแน่ ที่ผู้คนยอมเบียดกันขนาดแย่งหายใจกันรถขนาดนี้เป็นเพราะอากาศข้างนอกนั้นไม่สดใส สายฝนสาดกระหน่ำ ดูท่าจะไม่หยุดในอีกไม่กี่นาที มันเป็นแบบนี้ทุกเย็น คนเรามักจะกลัวสายฝนเพราะความหนาวนำมาซึ่งมาความเจ็บป่วย ในขณะที่บางครั้งคนเราก็อยากจะตากฝน อย่างไรก็ดี คนส่วนใหญ่ในนี้น่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า

เกือบจะชั่วโมงหนึ่งแล้ว  สายฝนก็ยังคงไม่หยุดตกอยู่ดี ภายในรถก็ยังคงไม่มีอะไรเคลื่อนไหวนอกจากตัวเครื่องยนต์และหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งริมหน้าต่าง เธอกำลังเปิดสมุดปฏิทินของเธอไล่เขียนรายชื่องานที่เธอต้องกลับไปทำให้เสร็จก่อนวันกำหนด เธอขีดฆ่าวันที่ผ่านไปเหลือไม่กี่วันก็จะเปลี่ยนไปเดือนใหม่ให้เธอขีดฆ่าอีก เธอเก็บสมุดนั้นใส่กระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาลของเธอและหยิบเพลงขึ้นมาฟังรอลงป้ายหน้า ระหว่างที่เสียงไพเราะก้องในโสตประสาท เธอก็สัมผัสถึงความหนาวเย็นของสายฝันผ่านกระจกหน้าต่าง เธอเห็นหยาดฝนเกาะเป็นสายจนกลายเป็นเม็ด

เมื่อเห็นปลายทางเธอจึงรีบกดกริ่งและแทรกฝูงชนบนรถกว่าจะออกมาได้ จากนั้นเธอก็รีบกางร่มสีชมพูแก่ที่แม่เธอซื้อให้ เธอชอบมันมาก เธอถือมันพร้อมกับฟังเพลงไปตามสายฝน เมื่อเดินข้ามถนน เธอเผลอฟังเพลงจนถูกรถสปอร์ตสีน้ำเงินเฉี่ยว เธอตกใจและผวาเล็กน้อย เป็นสีหน้าที่แสดงออกชัดเจนกว่ารอยยิ้มของเธอ เธอเดินข้ามไปถึงอีกฝั่งก็ถูกลมพัดกระหน่ำอีกครั้งจนร่มที่แม่เธอซื้อให้บิดเบี้ยว เธอจึงเก็บร่มและวิ่งฝ่าฝนนั้นไปหลบในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เธอก็พบกับความเย็นภายในอาคารจึงเช็ดปัดน้ำฝนออกด้วยความรู้สึกหนาวสั่น เธอจึงหยิบเสื้อกันหนาวออกมาคลุม

เธอเดินเข้าไปในร้านหนังสือหาอะไรอ่านรอเวลาฝนหยุดตกจึงจะได้กลับบ้าน เธอหยิบเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านอย่างไร้จุดหมาย เธอยิ้มอย่างชัดเจน เมื่ออ่านจบเธอจึงหยิบเล่มต่อไปขึ้นมาอ่าน ทำหน้าราวกับเข้าใจในเนื้อหา และเธอก็วางลง เธอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกเบื่อ หลังจากวางเล่มสุดท้ายลง เธอจึงหันไปหยิบอีกเล่มหนึ่ง ก็พบกับอีกมืออหนึ่ง เธอจึงละมือออกจากเล่มนั้นและผายมือให้เขา เขาก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ต่างกันที่เขายิ้มให้เธอ ในขณะที่เธอมีใบหน้าเรียบเฉย เธอจึงหยิบมันขึ้นมา เขาเองก็หยิบเล่มเดียวกันที่อยู่ถัดไปขึ้นมาอ่านเช่นกัน แต่ต่างกันที่เขาอ่านรู้เรื่องมากกว่าเธอล่ะมั๊ง

เธออ่านไปกี่หน้าๆ ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เธอจึงตั้งใจจะวางมันลงอีกครั้ง แต่เมื่อเธอหันไปดูคนข้างๆ ที่ยืนถือเล่มเดียวกับเธอ เขาอ่านมันอย่างตั้งใจ ราวกับเข้าใจทุกตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้านั้นที่เธอเพิ่งปิดหน้านั้นไป เธอสังเกตเห็นแหวนที่เขาสวม จึงหยิบเล่มนั้นไปพร้อมกับตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายค่าหนังสือเล่มนั้น เธอหยิบกระเป๋าเพื่อหยิบเงินและบัตรสมาชิกสีขาวให้กับพนักงานขาย พวกเขายิ้มให้กับเธอ แต่เธอก็ยิ้มให้กับเขากลับ ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะครับเขากล่าวแบบนี้กับลูกค้าทุกคนเป็นประจำ และกับเธอทุกครั้งเช่นกัน

เธอหยิบมันขึ้นมาอ่านและยิ้มไปกับสิ่งที่รับรู้ เมื่อเธออ่านเสร็จ เธอหันกลับไปที่ร้านหนังสืออีกครั้งโดยไม่ทันสังเกตคนที่ยิ้มให้กับเธอเดินออกจากร้านลับตาไป เธอมองสถานที่แห่งนั้นสักพักพร้อมกับเผยรอยยิ้มให้กับเขาที่กำลังทำงานอยู่ เธอยิ้มและหยิบสมุดปฏิทินของเธอขึ้นมาทำสัญลักษณ์รอยยิ้มบนวันนั้นแทนรอยขีดด้วยปากกาสีแดง และเขียนว่า “วันพิเศษ” ขณะนั้นเองสายฝนก็ซาลงและท้องฟ้าก็กลายเป็นสีทองยามเย็นรองรับตะวังที่กำลังลาลับ เป็นเวลาที่เธอจะต้องกลับบ้านแล้ว เธอยิ้มลาอีกครั้ง และคิดว่าเธอจะกลับมาหาเขาอีกในวันข้างหน้า เธอจึงรีบเดินข้ามถนนกลับอีกฝั่งอีกครั้ง คราวนี้เป็นอีกครั้งที่ไม่โชคดีเหมือนเดิม รถบ้านสีแดงขับมาด้วยความเร็วสูงโดยที่เธอไม่ระวัง เธอจึงก้าวถอยหลังอย่างโซซัดโซเซและช็อคกับเหตุการณ์เมื่อกี้ ยางรัดผมที่เธอรัดก็พลอยขาดไปด้วยและนั่นเองทำให้เธอนึกบางสิ่งออกขึ้นมาได้ เธอลุกขึ้น ดึงสายหูฟังออก และวิ่งกลับไปที่ร้านหนังสืออีกครั้งพร้อมกับผมดำขลับยาวสยายไปตามสายลมบริสุทธิ์

J.M.

Melody of My Life

ผู้ติดตาม