เสียงแตรกำลังถูกบีบโดยคนขับรถประจำทางสายหนึ่งอยู่หลายครั้ง
ผู้โดยสารต่างยืนกันเบียดแน่นแย่งพื้นที่ยืน ถ้าไม่นับที่นั่งเต็มแล้วล่ะก็
รถคันนี้อาจจะได้กลายเป็นกระป๋องอัดปลาทูเป็นแน่
ที่ผู้คนยอมเบียดกันขนาดแย่งหายใจกันรถขนาดนี้เป็นเพราะอากาศข้างนอกนั้นไม่สดใส
สายฝนสาดกระหน่ำ ดูท่าจะไม่หยุดในอีกไม่กี่นาที มันเป็นแบบนี้ทุกเย็น คนเรามักจะกลัวสายฝนเพราะความหนาวนำมาซึ่งมาความเจ็บป่วย ในขณะที่บางครั้งคนเราก็อยากจะตากฝน อย่างไรก็ดี
คนส่วนใหญ่ในนี้น่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า
เกือบจะชั่วโมงหนึ่งแล้ว สายฝนก็ยังคงไม่หยุดตกอยู่ดี ภายในรถก็ยังคงไม่มีอะไรเคลื่อนไหวนอกจากตัวเครื่องยนต์และหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งริมหน้าต่าง
เธอกำลังเปิดสมุดปฏิทินของเธอไล่เขียนรายชื่องานที่เธอต้องกลับไปทำให้เสร็จก่อนวันกำหนด
เธอขีดฆ่าวันที่ผ่านไปเหลือไม่กี่วันก็จะเปลี่ยนไปเดือนใหม่ให้เธอขีดฆ่าอีก เธอเก็บสมุดนั้นใส่กระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาลของเธอและหยิบเพลงขึ้นมาฟังรอลงป้ายหน้า
ระหว่างที่เสียงไพเราะก้องในโสตประสาท
เธอก็สัมผัสถึงความหนาวเย็นของสายฝันผ่านกระจกหน้าต่าง
เธอเห็นหยาดฝนเกาะเป็นสายจนกลายเป็นเม็ด
เมื่อเห็นปลายทางเธอจึงรีบกดกริ่งและแทรกฝูงชนบนรถกว่าจะออกมาได้
จากนั้นเธอก็รีบกางร่มสีชมพูแก่ที่แม่เธอซื้อให้ เธอชอบมันมาก
เธอถือมันพร้อมกับฟังเพลงไปตามสายฝน เมื่อเดินข้ามถนน เธอเผลอฟังเพลงจนถูกรถสปอร์ตสีน้ำเงินเฉี่ยว
เธอตกใจและผวาเล็กน้อย เป็นสีหน้าที่แสดงออกชัดเจนกว่ารอยยิ้มของเธอ
เธอเดินข้ามไปถึงอีกฝั่งก็ถูกลมพัดกระหน่ำอีกครั้งจนร่มที่แม่เธอซื้อให้บิดเบี้ยว
เธอจึงเก็บร่มและวิ่งฝ่าฝนนั้นไปหลบในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
เธอก็พบกับความเย็นภายในอาคารจึงเช็ดปัดน้ำฝนออกด้วยความรู้สึกหนาวสั่น เธอจึงหยิบเสื้อกันหนาวออกมาคลุม
เธอเดินเข้าไปในร้านหนังสือหาอะไรอ่านรอเวลาฝนหยุดตกจึงจะได้กลับบ้าน
เธอหยิบเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านอย่างไร้จุดหมาย เธอยิ้มอย่างชัดเจน
เมื่ออ่านจบเธอจึงหยิบเล่มต่อไปขึ้นมาอ่าน ทำหน้าราวกับเข้าใจในเนื้อหา
และเธอก็วางลง เธอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกเบื่อ หลังจากวางเล่มสุดท้ายลง
เธอจึงหันไปหยิบอีกเล่มหนึ่ง ก็พบกับอีกมืออหนึ่ง
เธอจึงละมือออกจากเล่มนั้นและผายมือให้เขา เขาก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ต่างกันที่เขายิ้มให้เธอ
ในขณะที่เธอมีใบหน้าเรียบเฉย เธอจึงหยิบมันขึ้นมา เขาเองก็หยิบเล่มเดียวกันที่อยู่ถัดไปขึ้นมาอ่านเช่นกัน
แต่ต่างกันที่เขาอ่านรู้เรื่องมากกว่าเธอล่ะมั๊ง
เธออ่านไปกี่หน้าๆ ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เธอจึงตั้งใจจะวางมันลงอีกครั้ง
แต่เมื่อเธอหันไปดูคนข้างๆ ที่ยืนถือเล่มเดียวกับเธอ เขาอ่านมันอย่างตั้งใจ
ราวกับเข้าใจทุกตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้านั้นที่เธอเพิ่งปิดหน้านั้นไป เธอสังเกตเห็นแหวนที่เขาสวม
จึงหยิบเล่มนั้นไปพร้อมกับตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายค่าหนังสือเล่มนั้น เธอหยิบกระเป๋าเพื่อหยิบเงินและบัตรสมาชิกสีขาวให้กับพนักงานขาย
พวกเขายิ้มให้กับเธอ แต่เธอก็ยิ้มให้กับเขากลับ “ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะครับ”
เขากล่าวแบบนี้กับลูกค้าทุกคนเป็นประจำ
และกับเธอทุกครั้งเช่นกัน
เธอหยิบมันขึ้นมาอ่านและยิ้มไปกับสิ่งที่รับรู้ เมื่อเธออ่านเสร็จ
เธอหันกลับไปที่ร้านหนังสืออีกครั้งโดยไม่ทันสังเกตคนที่ยิ้มให้กับเธอเดินออกจากร้านลับตาไป
เธอมองสถานที่แห่งนั้นสักพักพร้อมกับเผยรอยยิ้มให้กับเขาที่กำลังทำงานอยู่
เธอยิ้มและหยิบสมุดปฏิทินของเธอขึ้นมาทำสัญลักษณ์รอยยิ้มบนวันนั้นแทนรอยขีดด้วยปากกาสีแดง
และเขียนว่า “วันพิเศษ” ขณะนั้นเองสายฝนก็ซาลงและท้องฟ้าก็กลายเป็นสีทองยามเย็นรองรับตะวังที่กำลังลาลับ
เป็นเวลาที่เธอจะต้องกลับบ้านแล้ว เธอยิ้มลาอีกครั้ง และคิดว่าเธอจะกลับมาหาเขาอีกในวันข้างหน้า
เธอจึงรีบเดินข้ามถนนกลับอีกฝั่งอีกครั้ง คราวนี้เป็นอีกครั้งที่ไม่โชคดีเหมือนเดิม
รถบ้านสีแดงขับมาด้วยความเร็วสูงโดยที่เธอไม่ระวัง
เธอจึงก้าวถอยหลังอย่างโซซัดโซเซและช็อคกับเหตุการณ์เมื่อกี้
ยางรัดผมที่เธอรัดก็พลอยขาดไปด้วยและนั่นเองทำให้เธอนึกบางสิ่งออกขึ้นมาได้
เธอลุกขึ้น ดึงสายหูฟังออก และวิ่งกลับไปที่ร้านหนังสืออีกครั้งพร้อมกับผมดำขลับยาวสยายไปตามสายลมบริสุทธิ์
J.M.
พื้นหลังสวยมากเลย
ตอบลบอ่านแล้วนึกภาพตามเป็นความทรงจำที่โรแมนติคมาก
สู้ๆ >.<
Love U.........
ขอบคุณนะ^^
ลบ