ไหนๆ เรียนจบแล้วก็ขอพักผ่อนใช้เวลาทบทวนชีวิตตัวเองก่อน
เด็กจบใหม่หลายคนและส่วนใหญ่(คิดว่า)ตอนนี้
เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วกำลังหางานกันแน่นอนทันที
ชีวิตสู่โลกแห่งความเป็นจริงเริ่มขึ้นแล้ว
สิ่งแรกที่เราคิดเรื่องการหางานหลังเรียนจบเป็นเรื่องที่เราค่อนข้างกังวลเหมือนกัน
แล้วมาคิดอีกทีว่าทำไมต้องกังวลว่าเราจะไม่ได้งาน หรือไม่ได้เงิน
หรือเพราะกลัวถูกข้างบ้านมองว่า จบมายังหางานทำไม่ได้ หรือโดนมองว่า
พวกความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด พอมองดีๆ เราไม่ได้แคร์เรื่องพวกนั้น เงินก็มี ชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ใช้สอยอะไรมากเงินเหลือก็เก็บ
เรื่องถูกดูถูกก็ไม่ได้เอามาใส่หัว แต่ก็โดนแอบกดดันนิดหนึ่ง แต่จริงๆ แล้ว
ปัญหาตอนนี้อยู่ที่การเตรียมตัว ถึงเรียนจบและจะสมัครงาน มีปัจจัยหลายๆ
อย่างที่เราจำเป็นต้องมองให้ดี ไม่ว่าจะเรื่องความชอบความสนใจว่าเราอยากทำงานอะไร
แบบไหน บรรยากาศยังไง เรายอมให้เวลาพิจารณากับเรื่องพวกนี้มาก
เหมือนตอนที่แอดมิชชั่นเลือกคณะ 4 ลำดับ อันนั้นก็คิดนานเหมือนกัน
ผลลัพธ์เราได้เรียนในสิ่งที่ชอบ
มาคิด มาเตรียมหลังจบเรียนไม่สายไปไหน่อยเหรอ เราถามตัวเองแบบนั้นหลายครั้งแล้วก็ตอบเหมือนเดิมว่า
เราคิดแบบนี้มาเป็นปีแล้ว แต่รู้อะไรไหม การทำตามใจตัวเองก็เป็นเรื่องยาก
และเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งเหมือนกัน
การจะแยกความชอบของเราออกจากความจำเป็นจากความเห็นคนอื่น น่ะ กว่าจะชั่งน้ำหนักว่าเราจะเอาชีวิตตามในแบบของเราหรือให้ผู้ใหญ่กำหนดชีวิตเรา
บางครั้งความคาดหวังจากผู้ใหญ่ถือเป็นเรื่องดีตรงที่เราได้รับการสนับสนุน
ไม่ใช่โดนบังคับให้ทำงานหรือเป็นในสิ่งที่เราไม่ได้ถนัดหรือชอบ เพราะงั้นกว่าจะแยกแยะตรงนั้นก็กว่าจะเคลียร์ได้มาถึงชีวิตตอนนี้
คำพูดเดียวที่พ่อบอกและทำให้เราสบายใจสุดคือ ตอนนี้ชีวิตแค่เริ่มต้น
เรื่องหางานไม่ได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่จำเป็นต้องคิดจนตัวตาย ถ้าจะเสียเวลาปีนึงเพราะไม่มีที่ทำงาน
ก็เอาเวลาตรงนั้นมาพัฒนาตัวเราและเตรียมพร้อมรับมือให้มากขึ้น ชีวิตเพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น
ชีวิตเรายังอยู่อีกนาน ในอนาคตอาจจะมีอีกหลายหนทางเข้ามาให้เราเลือกอีกก็ได้
เพราะงั้นอย่ามองแค่ว่าเราจะโดนใครมองอะไรยังไง
เป็นคำสอนที่ทำให้เรามองหาสิ่งที่เราอยากทำชัดเจนกว่าเดิม
สิ่งที่เราอยากทำคือการเป็นนักแปลภาษา อยากแปลนู่นนั่นนี่ แต่หลักๆ
อยากแปลบทความบันเทิง ข่าวไลฟ์สไตล์ วรรณกรรมเด็กหรือนิทานมากกว่าเอกสารบทความ
แต่ไม่ได้ไม่ชอบ แค่ถนัดและมีความชอบส่วนตัวกับพวกบทความบันเทิง
อะไรทำนองนั้นมากกว่า ทีนี้เราคงไม่เอามาเป็นอาชีพหลัก ทำได้แค่เป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น
ส่วนงานหลักนี่จะทำอะไรยังไม่รู้เลยนอกจากงานพวกเลขาฯ
แถมไม่ใช่สิ่งที่เราถนัดนี่ล่ะคือปัญหา การจบเอกอังกฤษมา
ถ้าไม่มีความรู้เรื่องศาสตร์อื่นๆ
ก็เอามาประยุกต์ใช้ได้ไม่มากกว่าคนที่เรียนภาษาอังกฤษประกอบกับวิชาที่เอาไปประยุกต์กับงานได้เช่นการจัดงาน
การแปล การท่องเที่ยวโรงแรมและอื่นๆ เราโทแปลแท้ๆ แต่คิดว่าสิ่งที่เรียนยังไม่พอ
แถมเอามาเป็นอาชีพหลักยากถ้าไม่มีประสบการณ์ผ่านผลงานมาหลากหลายรูปแบบแล้วล่ะก็
ทำเป็นงานประจำยาก และฟรีแลนซ์ถ้าไม่ขึ้นกับสังกัดไหนก็ดี แต่เราจำเป็นต้องชำนาญการแปลมากกว่านี้จริงๆ ระหว่างนี้ก็ขอใช้เวลาไปการแปลและงานอื่นๆ
ทำงานเลี้ยงชีพระหว่างหาความสนใจที่เราชอบจริงๆ เสียก่อนนะ
J.M.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ล่วงหน้านะคะ
Thanks for the comments in advance!